อสังหาฯปั้น มิกซ์ยูส ชู โรงแรม-รีเทล เสริมรายได้
Loading

อสังหาฯปั้น มิกซ์ยูส ชู โรงแรม-รีเทล เสริมรายได้

วันที่ : 7 พฤศจิกายน 2560
อสังหาฯปั้น มิกซ์ยูส ชู โรงแรม-รีเทล เสริมรายได้

แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งลงทุนโครงการรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ประจำให้กับพอร์ตธุรกิจนอกจากการขายที่อยู่อาศัย

สุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ ยูนิแลนด์ จำกัด และกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไอแอม ไชน่าทาวน์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและรีเทล มากว่า 30 ปี เช่น โครงการอิมพีเรียลพาร์ค บ้านนวลจันทร์ โอเชี่ยนปาล์ม ศูนย์การค้าวันแอทโบ๊เบ๊  แอมพาร์ค สามย่าน เป็นต้น

ล่าสุด ได้ใช้งบลงทุน 3,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส "แอมไชน่าทาวน์" สไตล์ โมเดิร์น ไชนีส พื้นที่ 3 หมื่นตร.ม. ประมาณ 3 ไร่ บนถนนเจริญกรุง บริเวณด้านหน้าสถานีวัดมังกรกมลาวาส  รถไฟฟ้าใต้ดิน(สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย หัวลำโพงท่าพระ) ที่จะเปิดให้บริการในปี 2562 พร้อมการเปิดตัวเต็มรูปแบบของโครงการเดือนมี.ค.2562

โครงการแอมไชน่าทาวน์ มี 2 อาคาร คือ อาคารสูง 15 ชั้น ประกอบด้วยศูนย์การค้า โรงแรมและที่พื้นที่จอดรถ โดยพื้นที่ ศูนย์ รวม 4 ชั้น ตั้งแต่ชั้นบีถึงชั้น 3 โดย จัดทำเป็นศูนย์รวมสินค้าชื่อดังในย่านเยาวราช  ศูนย์แฟชั่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม, ศูนย์อัญมณี และศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดังและสตรีทฟู้ดท้องถิ่นย่านเยาวราช อัตรา ค่าเช่า ตร.ม.ละ 2,500 บาทต่อเดือน ขณะนี้ มียอดจองเช่าพื้นที่ 70%

ดึง'ฮอลลิเดย์อินน์'บริหารโรงแรม

ส่วนพื้นที่โรงแรม อยู่ที่ชั้น 4-9 โดย เซ็นสัญญาร่วมกับกลุ่มธุรกิจโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป หรือ IHG เพื่อเปิดบริการเชนโรงแรมระดับ 4 ดาว "ฮอลลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ไชน่าทาวน์" จำนวน 224 ห้อง ราคาห้องพักคืนละ 1,800 บาท เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักธุรกิจ เชื่อว่าจะมีอัตราเข้าพักไม่ต่ำกว่า 80% สำหรับพื้นที่จอดรถของโครงการอยู่ ชั้นใต้ดินรวม 6 ชั้น

"ในย่านเยาวราช ไชน่าทาวน์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ และเป็นที่รู้จักในระดับโลก แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเชนโรงแรมเต็มรูปแบบเปิดให้บริการ จึงเชื่อว่าโรงแรมของบริษัทจะมีอัตราเข้าพักสูงตลอดทั้งปี"

เปิดคอนโดโลว์ไรส์ทำเลทองคำ

สุวรรณ กล่าวว่า ส่วนที่อยู่อาศัย พัฒนาแยกอีก 1 อาคารในพื้นที่ใกล้โครงการ บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. รูปแบบคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์สูง 8 ชั้น จำนวน 46 ยูนิต ขนาด 21-25 ตร.ม. ตกแต่งพร้อมอยู่เริ่มต้นยูนิตละ 2.9 ล้านบาท เป็นสัญญาเช่า 30 ปี เปิดจองวันที่ 24 พ.ย.นี้ คาดว่าจะขายหมดภายในวันเดียว เนื่องจากย่านเยาวราชเป็นทำเลทองคำ ที่ไม่สามารถหาซื้อที่ดินพัฒนาโครงการได้ แต่มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยและแหล่งค้าขายเพิ่มขึ้นทุกปี

โครงการมิกซ์ยูส แอมไชน่าทาวน์ เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จคาดมูลค่าโครงการอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้ว 30% เริ่มเปิดให้บริการช่วงสิ้นปี 2561 และเปิดเต็มรูปแบบ มี.ค.2562

ที่ผ่านมาทำเลเยาวราช ไม่มีที่ดินว่างให้พัฒนาโครงการมากว่า 30 ปี เพราะส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์เก่าที่มีค่าเซ้งเปลี่ยนมือ

ในอัตราสูงห้องละ 40 ล้านบาท ขนาด 12 ตร.วา สำหรับที่ดินโครงการขนาด 3 ไร่ เป็นการเช่าจากเจ้าของที่ดิน สัญญา 60 ปี โดยจะเริ่มอายุสัญญาเมื่อโครงการเปิดบริการในปี 2562

มุ่ง'มิกซ์ยูส-รีเทล'

สุวรรณ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จะมีรายได้ครั้งเดียว เมื่อก่อสร้างและขายโครงการแล้วเสร็จ ขณะที่การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ทั้งโรงแรมและศูนย์การค้า จะสร้างรายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการศูนย์การค้าแอมไชน่าทาวน์ที่อยู่ในทำเลชุมชนและแหล่งท่องเที่ยว คาดว่าจะคุ้มทุนใน 5 ปี

ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลังจากนี้ จะมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย พร้อมขยายโครงการรีเทล วางเป้าหมาย 10 ปีมี 10 โครงการรีเทล ปัจจุบันมี 3 โครงการ คือ ศูนย์การค้าวันแอทโบ๊เบ๊ ประเภทค้าปลีกและค้าส่งเสื้อผ้า, โครงการแอมพาร์ท แอท สามย่าน รูปแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ และแอมไชน่าทาวน์ อยู่ระหว่างก่อสร้าง

ขณะที่กำลังอยู่ระหว่างแผนการทำศูนย์การค้าแอมพาร์คแอทสามย่าน จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (กองรีท) ร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่นอีกโครงการ รวมมูลค่า 1,500 ล้านบาท เฉพาะแอมพาร์ทแอทสามย่าน อยู่ที่ 600 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาลงทุนโครงการรีเทลอื่นๆ ปีหน้า

เอ็นริชผนึก'ดุสิตดีทู'ลุยหัวหิน

สุพิชา พงศ์ศีลธน  ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มเอ็นริช ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แนวราบ แบรนด์ เอ็นริช พาร์ค, THE MARQ, TARA กล่าวว่าล่าสุดได้ใช้งบลงทุน 1,500 ล้านบาท ขยายการลงทุนรูปแบบ "มิกซ์ยูส" ประเภทโรงแรมและคอนโด โลว์ไรส์ ในเมืองท่องเที่ยว "หัวหิน" ทำเลติดถนนเพชรเกษมใจกลางเมืองหัวหิน ใกล้บูลพอร์ต ซึ่งถือเป็นการขยายการลงทุนที่อยู่อาศัยแนวสูงและโรงแรมครั้งแรกของกลุ่ม

ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นโอกาสการลงทุนโปรเจคมิกซ์ยูสที่หัวหิน จากจุดเด่นด้านทำเลเมืองท่องเที่ยวหลักของคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้ภาครัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมการเดินทางไปยังหัวหิน ทั้งรถไฟความเร็วสูง, เส้นทางบายพาสใหม่ รวมทั้งทางเรือจากท่าเรือพัทยา-หัวหิน

สำหรับโรงแรม ได้ร่วมมือกับดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อเปิดให้บริการ โรงแรม"ดุสิตดีทู หัวหิน" อาคาร 7 ชั้น พื้นที่ 2 ไร่ มูลค่า 620 ล้านบาท จำนวน 150 ห้อง ส่วนคอนโด ใช้ชื่อ "ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน" รูปแบบโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร พื้นที่ 3.5 ไร่ มูลค่า 820 ล้านบาท จำนวน 364 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท ขนาด 26-41 ตร.ม. ราคา 7.7 หมื่นบาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้นยูนิตละ 1.9 ล้านบาท โดยบริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้บริหารการขาย ทั้งนี้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563

"การลงทุน โรงแรมในโครงการที่อยู่อาศัย จะขายสร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการและดึงดูดผู้ซื้อและกลุ่มลงทุนปล่อยเช่า ที่สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมได้ตลอดเวลา อีกทั้งเป็นการสร้างรายได้ประจำจากธุรกิจโรงแรม อีกแหล่งรายไดของธุรกิจอสังหาฯ"

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ