คอลัมน์ STOCK GOSSIP: 'พฤกษา'รุกเจาะกลุ่มพรีเมียม รายได้แตะหมื่นล้านปีหน้า
อาชวินท์ สุกสี
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมากลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยข้อมูลจากสมาคมอาคารชุดไทยระบุว่าตลาดรวมเติบโตมากถึง 16-17% ตามการเปิดตัวโครงการใหม่ ในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 57% ซึ่งโครงการที่มีการเติบโตอย่างร้อนแรง ยังเป็นกลุ่มตลาดบนระดับลักชัวรี่และ ซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้บรรดาผู้ประกอบการหลายบริษัทหันมาให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น เช่นเดียวกันกับเจ้าตลาดอย่างบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) PSH โดยนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ "Stock Gossip" ระบุว่า ปีนี้ถือ เป็นปีที่ท้าทายของบริษัทหลังได้มีการเริ่มต้น ปรับโครงสร้างมาทำตลาดพรีเมียม มีการจัดตั้งหน่วยธุรกิจขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ มองว่าตลาดพรีเมียมจะเป็นดาวรุ่งตัวใหม่ให้กับบริษัทช่วยผลักดันการเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มนี้ไปแล้วทั้งหมด 4-5 โครงการ และจะเปิดขายอย่างไม่เป็นทางการอีก 2 โครงการในช่วงปลายปีนี้ มูลค่าโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 8 พันล้านบาท
ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 6,800-7,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทในสิ้นปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปี 2562 โดยยอดขายจากตลาดพรีเมียมในปีนี้จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของยอดขายรวมทั้งบริษัทที่ 5 หมื่นล้านบาท
เขาบอกว่า การหันมารุกตลาดพรีเมียมเพื่อทำให้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป มีโครงการในทุกระดับเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ถือเป็นการสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว
ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดพรีเมียมมีการเปิดโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของตลาดรวม หรือมีมูลค่าประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาทต่อปี และมีความต้องการปีละประมาณ 4 พันยูนิต โดยมองว่าตลาดกลุ่มนี้มีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันทำให้คนที่มีเงินฝากจำนวนมากหันมาลงทุนในคอนโดมิเนียมมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
"ตลาดพรีเมียมจะเป็นสตาร์ตัวใหม่ให้กับบริษัท ตอนนี้ตลาดโตเร็วมาก ถ้าเรา ไม่เข้ามาก็จะทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำในธุรกิจ เราอยากให้โมเดลธุรกิจมีความยืดหยุ่น รับกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างตอนนี้ ตลาดกลางล่างไม่ดี เราก็มาทำตลาดบน แต่วันหนึ่งเมื่อตลาดบนอิ่มตัว กลางล่างฟื้น เราก็มาให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้"
ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทมีแผนเปิดโครงการในตลาดบนอีกอย่างน้อย 4-5 โครงการ มูลค่ารวมเบื้องต้นประมาณ 5-6 พันล้าน ยังไม่นับรวมโครงการบ้านเดี่ยวและ ทาวน์เฮ้าส์ระดับพรีเมียมรูปแบบใหม่ที่จะมีการเปิดตัวอีกด้วย ซึ่งรูปแบบโครงการในกลุ่มพรีเมียมจะมีจำนวนยูนิตไม่มาก เน้นที่ความเป็นส่วนตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละโครงการ โดยตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มตลาดบนเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากตลาดพรีเมียมคิดเป็น 5-10% ของรายได้รวมทั้งหมด และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 25-30% ภายใน 3 ปี
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่าการหันมาเน้นโครงการในกลุ่มระดับบนมากขึ้นจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท เป็นการลดความเสี่ยงจากการปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ากลางล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทมีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการคาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 จะมียอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 10 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 7 พันล้านบาท ส่งยอดให้ยอดขาย 9 เดือน ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 3.81 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 72% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 5.2 หมื่นล้านบาท
คาดการณ์รายได้ปี 2560 ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 6.74 พันล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ในพอร์ต 183 โครงการ มูลค่ารวม 1.91 แสนล้านบาท ที่จะมาช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดพรีเมียมอีก 4 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ มองว่าการหันมาเน้นโครงการระดับบน
"รุกตลาดพรีเมียม เพื่อทำให้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป"
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ