ไซมิสแอสเสทรุกตลาดบ้านหรูจับมือเอสซีจีไฮม์ผุด ไซมิส คิน
Loading

ไซมิสแอสเสทรุกตลาดบ้านหรูจับมือเอสซีจีไฮม์ผุด ไซมิส คิน

วันที่ : 16 ตุลาคม 2560
ไซมิสแอสเสทรุกตลาดบ้านหรูจับมือเอสซีจีไฮม์ผุด ไซมิส คิน

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไซมิส แอสเสท เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้กระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยเพิ่มพอร์ตลงทุนโครงการบ้านแนวราบ หลังจากที่ลงทุนเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม โดยในไตรมาสสุดท้ายนี้เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ "ไซมิส คิน" ย่านรามอินทรา โดยบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทเซกิ ซุยเคมิคอลล์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านในประเทศญี่ปุ่น และบริษัท เอสซีจี ไฮม์ จำกัด ในการก่อสร้างบ้านเอสซีจี ไฮม์ ซึ่งเป็นบ้านประหยัดพลังงาน ที่มีระบบกรองอากาศภายในบ้านหรือแอร์แฟคทอริ่งและมีระบบซิลด์ประตูเหมือนตู้เย็น ผนังภายนอกเป็นเซรามิกไม่ต้องทาสีตลอดอายุการใช้งาน มีระบบการป้องกันแผ่นดินไหวขนาด 350 cal  หรือ 7 ริกเตอร์

สำหรับโครงการไซมิส คิน เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จำนวน 107 ยูนิต ราคาขาย 6.38-20 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวไซส์แอล 12 หลังขนาด 350 ตารางเมตรที่ดิน 87-106 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 17 ล้านบาท, บ้านเดี่ยวไซส์ เอส 31 พื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร ที่ดินขนาด 61-74 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 12.6 ล้านบาท, บ้านแฝด 28 หลัง บนขนาดที่ดิน 35-42 ตารางวา เนื้อที่ใช้สอย 182-188 ตารางเมตร ราคาตั้ง 9 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 36 หลังบนที่ดิน 20-23 ตารางวา เนื้อที่ใช้สอย 145 ตารางเมตร ราคา 6.38 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างบ้านไปแล้ว 30 ยูนิต

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเปิดขายในวันวีไอพีเดย์คือ 11 พ.ย.2560 เป็นวันซอฟต์โอเพนนิ่ง และ วันที่ 18 พ.ย.2560 จะเป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่ง โดย จะขายในราคาพิเศษ ปัจจุบันได้แจ้งไปยังกลุ่มลูกค้า 1,500 ราย โดยนำบ้านมาจัดโปรโมชัน 30 ยูนิต พร้อมของแถมอาทิ โซลาร์ซิสเต็มส์และมีระบบสตอเรจ ที่สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้งาน 10 กิโลวัตต์ สามารถใช้งานได้นาน 5 ชม. มีระบบโฮมออโตเมชัน สามารถตรวจสอบภายในบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือ

"โครงการนี้บริษัทซื้อที่ดินมานาน 6 ปีแล้วและนำราคาต้นทุนมาพัฒนาจำนวน 17 ไร่ โดยต้องการสร้างแบรนด์ไซมิส คิน คุณภาพจะต้องดีเพื่อพัฒนาโครงการที่ 2 และ 3 ต่อไป โดยจะต้องพิจารณาจากโครงการที่เปิดขายก่อนว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด หากซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการนี้ในเวลานี้ราคาขายจะขาดทุน ที่ดินย่านนี้ตารางวาละ 1 แสนบาทแค่ค่าที่ดินก็ 10 ล้านบาทแล้ว ค่าก่อสร้างก็เกือบ 10 ล้านบาทแล้ว แต่เนื่องจากที่ดินคิดราคาต้นทุนที่ 7 หมื่นบาท/วา ก็ 7 ล้านบาท ค่าก่อสร้างลดราคาลงมาอยู่ที่ 7 ล้านบาท ก็อยู่ที่ประมาณ 14 ล้านบาท เราขาย 17 ล้านบาท ทุกโครงการพยายามสร้างชื่อด้วยคุณภาพและราคา" นายขจรศิษฐ์ กล่าว

นายขจรศิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บริษัทยังได้ซื้อที่ดินในบริเวณรัชดาภิเษก ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ารัชดาภิเษก 120 เมตรติดอาคารโอลิมเปีย ขนาด 2 ไร่ครึ่ง ซื้อที่ดินมาราคาตารางวาละ 7.5 แสนบาท มีแผนจะพัฒนา เป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบภายใต้แบรนด์ "ไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ" จะเริ่มเป็นพรีเซล ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 ส่วนที่ดินอีก 1 แปลงบริเวณสุขุมวิท 16 ซึ่งจะเริ่มโอนที่ดินในเดือนต.ค.นี้ ขนาด 2 ไร่ครึ่ง ราคาที่ดินตารางวาละ 7 แสนบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบ โดยมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯระดับลักชัวรี ราคาเริ่มต้นที่ 2.5 แสนบาท/ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในช่วงต้นปี 2561

สำหรับในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเตรียมเปิดขายคอนโดฯ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไซมิส จอยญ่า สุขุมวิท 87 ติดถนนใหญ่ จำนวน 2 ไร่ครึ่ง โดยจะเริ่มเปิดขายในเดือนธันวาคม 2560 และโครงการไซมิส ควีนส์ ราคาเริ่มต้น 2 แสนบาท/ตร.ม. เปิดขายในเดือนพฤศจิกายน นี้ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำโครงการไปเปิดขายในต่างประเทศก่อนยังไม่เปิดตัวในเมืองไทย โดยร่วมมือกับบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ เป็นตัวแทนนายหน้าไปทำตลาดต่างประเทศให้ในสัดส่วน 49% ที่ต่างชาติสามารถถือครองได้ ซึ่งปัจจุบันจีนและยุโรป แสดงความสนใจซื้อจำนวนมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทประสบความสำเร็จในการขายค่อนข้างดี อีกทั้งภาพรวม ตลาดอสังหาฯโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการที่ราคาในตลาดทำนิวไฮสูงสุดจึงทำให้นักลงทุน กระจายการลงทุนมาในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าชาวจีนจะนิยมห้องขนาด 1 ห้องนอนราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ขนาด 2 ห้องนอนราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะซื้อเป็นบ้านหลังที่สองและกลุ่มนักลงทุนที่มีความหลากหลาย โดยการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะต้องสร้างความแตกต่างเช่นมีบริการที่เหมือนกับโรงแรม ที่แยกพื้นที่บริการของลูกค้าเช่ากับผู้ที่พักอาศัย ที่จะเริ่มเห็นในโครงการไซมิส เอ็กซ์คลูซีพ สุขมวิท 42 และโครงการไซมิส สุขุมวิท 48

อย่างไรก็ตามบริษัทได้เริ่ม ส่งทีมขายนำโครงการของบริษัทไปโรดโชว์ในต่างประเทศที่มุมไบ อินเดีย ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัจจุบันโรดโชว์ในเซี่ยงไฮ้ และเดือนพฤศจิกายน จะไปทำตลาดในจีนอีกครั้งโดยไปแนะนำโครงการเอง ขณะเดียวกันบริษัท เซ็นจูรี่ 21 ที่สิงคโปร์ทำตลาดที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกงให้ ซึ่งในเวลานี้จะต้องพึ่งกำลังซื้อจากต่างประเทศที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ที่ผ่านมาคนจีนบางส่วนมีความกังวลเรื่องทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศจีนว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทำให้คนจีนบางส่วนโยกเงินออกมาต่างประเทศและประเทศไทยเป็นเป้าหมายหนึ่งเนื่องจากค่าครองชีพไม่สูง

"ประเทศไทยถือว่าธุรกิจอสังหาฯน่าสนใจมากเมื่อก่อนคนมีสตางค์จะไปซื้ออสังหาฯฮ่องกง นิวยอร์ก ลอนดอน ออสเตรเลียแต่ปัจจุบันคนระดับกลางนิยมมาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนาม" นายขจรศิษฐ์กล่าว

ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันได้บริษัท หลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยสิ้นไตรมาส 3 รายได้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท ส่วนในปี 2561 ตั้งเป้าว่า ยอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 ยอดรับรู้รายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท และในปี 2556 รายได้จะโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ ปัจจุบันบริษัทมีโครง การที่ส่งมอบและอยู่ระหว่างพัฒนา 17 โครงการ โดยในปีนี้ บริษัทมีโครงการที่เปิดขายสุขุมวิท 42 สุขุมวิท 48 สุขุมวิท 87 โครงการบลอสซั่ม คอนโดมิเนียม 2 โครงการไซมิส ควีนส์ รวม 5 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท.

 
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา