มหกรรมบ้านพลาดเป้า กำลังซื้อเว้นวรรค รอรีเทิร์นปลายปี
Loading

มหกรรมบ้านพลาดเป้า กำลังซื้อเว้นวรรค รอรีเทิร์นปลายปี

วันที่ : 11 ตุลาคม 2560
มหกรรมบ้านพลาดเป้า กำลังซื้อเว้นวรรค รอรีเทิร์นปลายปี

แม้ผู้จัดงานจะมั่นใจและตั้งความหวังกับงานมหกรรมบ้านและ คอนโด ครั้งที่ 37 เอาไว้ค่อนข้างสูง ว่ายอดขายในงานจะได้ถึง 4,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่อาจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยสภาวะจิตใจของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ณ ช่วงเวลานี้ คงไม่พร้อมที่จะดำเนินการอะไรไปมากไปกว่าการรวมหัวใจกันเพื่อน้อมส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กลับสู่สวรรคาลัย

ย้อนกลับไปในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต่างยืนยันตรงกัน ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาอยู่ในเส้นทางที่สดใส ทั้งจำนวนคนเข้าไซส์โครงการ จำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้น และจำนวนโครงการที่เปิดตัวใหม่ที่สูงกว่าทุกเดือน สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวเป็นลำดับ แม้จะรับรู้กันอยู่แล้วว่าเมื่อย่างเข้าเดือน ต.ค.ตลาดจะชะลอตัว แต่ก็ยังหวังลึกๆ ว่าก่อนเข้าสู่พระราชพิธีสำคัญ น่าจะมีแรงส่งที่ช่วยผลักดันยอดขายได้อีกระลอก

หากสังเกตจากงานมหกรรมครั้งนี้ จำนวนคนที่เดินเข้างานเพื่อมาเลือกซื้อบ้านลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับเป็นคนที่ต้องการตัดสินใจซื้อจริงภายในงาน จึงทำให้ยอดขายไม่ได้ลดลงไปมากนัก โดยทางผู้จัดงานยอมรับว่ายอดขายอาจจะลงลด 10% เมื่อเทียบกับงานครั้งก่อน

ขณะที่ ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย ได้กล่าวถึงภาพรวมของงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 นี้ พบว่าพฤติกรรมของคนเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยน้อยในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากเข้าใกล้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคนั้นยังมีอยู่สูงก็ตาม ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายจะเกิดขึ้นจากช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากได้มีการเร่งยอดขายไปแล้วล่วงหน้าตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา

"พฤติกรรมของผู้บริโภคในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะสนใจสินค้าประเภทบ้านและคอนโดพร้อมอยู่ จะเห็นได้ว่าโครงการประเภทฮอตดีลหรือราคาลดพิเศษ พร้อมของแถมนั้นลูกค้าจะรีบตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ขณะที่โครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ ความสนใจของกลุ่มผู้บริโภคนั้นจะมีค่อนข้างน้อย โดยกิจกรรมการตลาดจะต้องกลับมาทำอย่างจริงจังจะเป็นในต้นปี 2561 เนื่องจากแม้จะผ่านพ้นเดือน ต.ค.ไปแล้ว รูปแบบการทำตลาดอาจจะทำได้ใน รูปแบบซอฟต์โอเพ่นนิ่ง เนื่องจากใกล้กับช่วงวันหยุดยาว การทุ่มงบการตลาดจำนวนมากลงไปอาจจะไม่เหมาะสม" ไตรเตชะ กล่าว

ขณะที่ สมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ภาพรวมของงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ ถือว่ายังพอไปได้ พิจารณาได้จากยอดขายของบริษัท ที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และคอนโด ในกลุ่มบ้านพร้อมอยู่นั้นได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทได้นำสินค้าไปจำหน่าย 200 ล้านบาท แต่ในช่วงวันจัดงาน 4 วัน สามารถทำได้กว่า 100 ล้านบาท หรือ 20 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2 ล้านบาท บ้านเดี่ยวราคา 5-10 ล้านบาท

"เวลานี้ต้องติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด อย่างในช่วงสัปดาห์ต้นเดือน ต.ค.ยังสามารถทำยอดขายได้ดี แต่หลังจากนี้จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไร เพราะยังเชื่อว่าหลังจากผ่านเดือน ต.ค. ภาพรวมการตลาดยังไปได้ดี กิจกรรมการตลาดเชื่อว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้" สมนึก กล่าว

อธิภัทร รวมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิถีไทย เรียลเอสเตท กล่าวว่า การร่วมออกงานมหกรรมบ้านและ คอนโดครั้งนี้ ถือเป็นการแนะนำสินค้าให้ผู้บริโภคได้รับรู้ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าประเภทคอนโดพร้อมอยู่จำนวน 10 ยูนิต ระดับราคาขายต่อยูนิต 8-9 แสนบาท ลูกค้าส่วนใหญ่จะตัดสินใจซื้อหลังจากเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ จึงยังไม่มียอดขายที่เกิดขึ้นในงาน ขณะเดียวกันก็จะได้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่า บริษัทเตรียมจะเปิดตัวโครงการคอนโดแบรนด์เพลินเพลินอีก 1 แห่ง ในย่านบางบัวทองที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

ด้าน อิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านฯ ซึ่งมองว่า กำลังซื้อมีอยู่เพราะบริษัทสามารถมียอดขายได้กว่า 60 ล้านบาท พลาดจากเป้าเล็กน้อยซึ่งวางไว้ 75 ล้านบาท โดยผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจกับโครงการบ้านพร้อมอยู่มากกว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ ขณะที่อสังหาฯ ประเภทอื่น เช่น อาคารพาณิชย์ระดับราคา 7 ล้านบาท ก็สามารถปิดการขายได้

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ทำให้ยอดไม่เป็นตามเป้า มองว่าเกิดจากฝนตกทุกวันตลอดการจัดงานซึ่งทำให้ผู้เข้าชมโครงการน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นที่ต้งโครงการหรือในงาน หลังจากนี้บริษัทจะทำแคมเปญหรือโปรโมชั่นเป็นรายแปลง โดยจะเน้นโครงการบ้านพร้อมอยู่พร้อมโอนแทนทำกิจกรรมการตลาดโดยรวม

ขณะที่ สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยที่ผู้ต้องการซื้อบ้านสามารถเลือกซื้อ ที่อยู่อาศัยในช่องทางอื่นๆ ได้ นอกจากนี้แคมเปญหรือโปรโมชั่นทั้งโครงการบ้านและสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้จูงใจหรือจัดขึ้นเพื่องานนี้โดยตรง แต่จะพบว่ามีการจัดแคมเปญจากดีเวลลอปเปอร์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้ผู้เข้าชมงานน้อยลง แต่จะเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อบ้านและมีกำลังซื้อจริง

ในส่วนของเวลาที่เหลือของปีนี้ คาดว่า ผู้ประกอบการจะยังคงเดินหน้าเร่งขายสต๊อกโครงการที่มีอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลายบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปตั้งแต่ไตรมาส 3 จะไปโหมทำตลาดอีกครั้งในเดือน พ.ย. แต่ไม่เกินวันที่ 15 ธ.ค. เพราะหลังจากนั้นจะ เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคไม่นิยมซื้อบ้าน

ลุ้นตามปิดการขายหลังงาน

ปิดฉากไปแล้วสำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 37 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 5-8 ต.ค. ที่ศูนย์การ ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การจัดงานในครั้งนี้จะว่าไปแล้วเงียบเหงากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงการจัดงานใน 3 วันแรกเป็นวันที่มีฝนตกจึงทำให้คนมาเดินภายในงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากเทียบกับช่วงเดียวกันกับ ปีก่อน คนเดินในงานลดลงไปไม่น้อยกว่า 50% ส่งผลให้ยอดคนที่มา จองซื้อผ่านในงานลดลงตามไปด้วย แต่ไม่น้อยเท่ากับปริมาณคนที่มา เดินในงาน

แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะไม่เหมาะสมกับการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด แต่การจัดงานยังเดินต่อและไม่ประกาศยุติการจัดงานลง ขณะที่กลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการที่มาร่วมออกงานหลายค่ายนำมาใช้คือการเร่งระบายสต๊อกคอนโดและบ้านพร้อมอยู่ โดยผู้ร่วมงานพยายามเร่งการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าว่า เป็นสินค้าราคาพิเศษหรือฮอตดีล เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทั้งส่วนลดจากค่าธรรมเนียม แต่งห้องให้ครบพร้อมอยู่ได้จริง รวมถึงแคมเปญทางด้านการเงินต่างมารวมไว้ในที่เดียวกัน ขณะเดียวกันบรรดาสถาบันการเงินได้เร่งระบายทรัพย์มือสองให้เหลือน้อยที่สุดเช่นกัน

นับจากนี้ไปผู้ประกอบการจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แม้ว่ายอดขายในงานครั้งนี้อาจจะได้ค่อนข้างน้อย และไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่คาดว่าจะมียอดขายตามมาภายหลังจากนี้จำนวนมาก โดยอาจจะต้องทำทำการตลาดแบบต่อเนื่อง แต่ใช้งบการตลาดที่เหมาะสม

หลายรายประเมินกันว่ากิจกรรมการตลาดหลังจากผ่านปลายเดือน ต.ค.ไปแล้วอาจจะกลับมาคึกคักก็เป็นได้ แต่อาจผิดคาด การทำตลาดอาจต้องออมมือเอาไว้ เนื่องจากใกล้กับเทศกาลปีใหม่การโหมทำตลาดลงไปจะเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์