สมาร์ทคอนโด เทรนด์อยู่อาศัย สไตล์คนเมือง
Loading

สมาร์ทคอนโด เทรนด์อยู่อาศัย สไตล์คนเมือง

วันที่ : 4 ตุลาคม 2560
สมาร์ทคอนโด เทรนด์อยู่อาศัย สไตล์คนเมือง

อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

สมาร์ทคอนโด เทรนด์อยู่อาศัย สไตล์คนเมือง

การพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันไม่ได้มองแค่ โลเกชั่น การดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเท่านั้น แต่ทว่ายังมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เป็นองค์กรประกอบเพื่อสร้างความแตกต่าง สร้างความโดดเด่น และเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของไลฟ์สไตล์คนเมือง

ปัจจุบันเริ่มเห็นการพัฒนาโครงการในรูปแบบของ สมาร์ทคอนโด (Smart Condo) ในหลายโครงการ อาทิ "เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต" ซึ่งถือเป็นสมาร์ทคอนโดแห่งแรก ภายใต้การพัฒนาของบริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป เป็นคอนโดมิเนียมสูง 43 ชั้น จำนวน 841 ยูนิต บนที่ดินกว่า 4 ไร่ ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสวนจตุจักร

โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยมาใช้ให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย ระบบการเข้าออกอาคารโดยใช้บัตรแรบบิทการ์ดรุ่นพิเศษ ที่สามารถใช้ทั้งเป็นตั๋วโดยสารบีทีเอส และเข้าออกคอนโดมิเนียม และพื้นที่สันทนาการอื่นๆ ในโครงการ ระบบ RFID สำหรับการเปิด ปิด ทางเข้าคอนโดโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ Booking Facility ในการจองห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางผ่าน Home Service Application มีระบบเปิดปิดไฟในพื้นที่ส่วนกลางแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และยังมี Smart Locker ที่สามารถใช้โค้ดส่วนตัวมาเปิดรับของได้ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา พร้อมตรวจสอบได้จากทาง Home Service Application รวมถึงระบบ Trendy Wash ซึ่งเป็นการเติมเงินซักผ้าใน E-wallet ที่สอดคล้องกับเทรนด์สังคมไร้เงินสด (Cashless) พร้อมระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเครื่องซักผ้าเสร็จเรียบร้อย

Good Waste Refun Machine ตู้รีไซเคิลขวดอัตโนมัติ ลูกบ้านสามารถนำขวดพลาสติกมารีไซเคิลเปลี่ยนเป็นเงินเข้า

ส่วนกลางเพื่อบำรุงโครงการ หรือบริจาคเข้ามูลนิธิตามที่กำหนด และที่เป็นไฮไลต์ในโครงการก็คือ Smart Move บริการเช่ายานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตโดยมี รถยนต์ BMW รุ่น i3 ที่ควบคุมและใช้พลังงานไฟฟ้า 100% สำหรับ Car Sharing ให้ลูกบ้านได้เช่าใช้ และคิดค่าบริการจริงเป็นนาที พร้อม EV Charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนั้น ยังมีการยกระดับระบบในอาคารและองค์ประกอบต่างๆ เพิ่มเติม อาทิ ระบบการระบายอากาศ (Ventilation system) ทำให้อากาศไหลเวียนและถ่ายเทภายในโครงการ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศในบางวัน เป็นต้น

ด้านบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ถือเป็นอีกค่ายที่ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใส่ในโครงการอย่างเช่น ไอดีโอ โมบิ อโศก "The Revolutionary Smart Condo" เป็นคอนโดสูง 36 ชั้น จำนวน 508 ยูนิต ตอบรับทุกความทันสมัย ล้ำหน้าสู่อนาคตในทุกตารางนิ้วที่ได้สัมผัส ปฏิวัติสู่ การอยู่อาศัยที่เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการอยู่อาศัย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2561

โครงการนี้นอกจากจะเป็น Smart Location ตั้งอยู่บนทำเลย่านธุรกิจหลักที่สำคัญที่สุดในอนาคตทั้งอโศกและพระราม 9 ใกล้ระบบคมนาคมแล้ว ยังสร้างมั่นใจในความปลอดภัย (Smart Safety) ให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยเชื่อมต่อระบบ Security ผ่าน Smartphone แจ้งเตือนแบบ Real Time ระบบที่จะแจ้งเตือน ทันทีเมื่อมีคนเข้ามาในห้อง

ขณะที่การออกแบบดีไซน์ (Smart Design) ที่ให้มากกว่าแค่ความสวยงาม แต่ยังมีฟังก์ชั่นที่สมบูรณ์แบบตอบทุก ความต้องการในการอยู่อาศัยแบบรอบด้าน และเป็นส่วนหนึ่ง กับธรรมชาติ Eco-Urban Life การออกแบบฟังก์ชั่นส่วนต่างๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของการอยู่อาศัยและยังช่วยให้ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย เช่น Solar Shading กันสาดรอบอาคารเพื่อลดปริมาณแสงแดดและความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำ Bathroom Ventilation System ระบบการถ่ายเทหมุนเวียนอากาศของห้องน้ำเพื่อการอยู่อาศัย มาใช้ในอีกหลายโครงการ

ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอนันดามีการเปิดตัว Ananda UrbanTech ซึ่งพร้อมจะจับมือเป็นพันธมิตรให้การสนับสนุนและริเริ่มนวัตกรรมเพื่อต่อยอดและยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้น โดยได้มีการเปิดบริการ "ฮอปคาร์" ซึ่งเป็น การบริการในรูปแบบ Car-Sharing ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยให้บริการรถเช่าในรูปแบบการบริการ ตนเองผ่านทางสมาร์ทโฟน เป็นต้น

การพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเดิมๆ คงไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลและนั่นคือความท้าทายในการทำโครงการในอนาคตอันใกล้ซึ่งไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ระดับบนอีกต่อไป

อสังหาฯชูบริการ-สร้างมูลค่าเพิ่ม

นอกจากนวัตกรรมและตัวสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว เรื่องของการให้บริการ หรือเซอร์วิสต่างๆ เป็นอีกส่วนสำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และยิ่งเมื่อดีเวลอปเปอร์ได้พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ มาเสริมซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในโครงการได้มากขึ้นอีกด้วย

สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่เป็น มิกซ์ยูส มักจะลงทุนสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายไว้รองรับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ แต่สำหรับโครงการทั่วไปที่มีจำนวนยูนิต ไม่มากนัก ก็จะเลือกใช้พันธมิตรคู่ค้ามา ร่วมสร้างมูลค่าในโครงการ

ปัจจุบันเริ่มมีดีเวลอปเปอร์จัดสรรพื้นที่บางส่วนภายในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยการจับมือ กับพาร์ตเนอร์แบรนด์ระดับโลกเพื่อเปิด ให้บริการสินค้า ซึ่งนอกจากลูกค้าโครงการ จะได้รับสินค้าและบริการที่เป็นเลิศแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ระยะยาวที่เกิดจากค่าเช่าพื้นที่อีกด้วย อาทิ

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ได้ จับมือกับ สตาร์บัคส์ (Starbucks) แบรนด์ กาแฟชั้นนำระดับโลก เปิดสาขาใหม่ ภายในโครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง ที่มีการดึงคอนเซ็ปต์เดียวกับการออกแบบโครงการมาใช้เพื่อผสานแนวคิดทางสถาปัตยกรรมของทั้งสองพื้นที่ให้กลมกลืน ในสไตล์ Scandinavians ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านสตาร์บัคส์ จะได้สัมผัสถึงบรรยากาศของไลฟ์สไตล์ภายในโครงการแบบ Scandinavians เป็นแห่งแรกในเมืองไทย นอกจากนี้ยังมีช็อปร้านอาหาร สินค้าไฮเอนด์แบรนด์ที่จะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้เป็นต้น

พร้อมกันนี้พฤกษาได้เร่งเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ "พฤกษา 4.0" ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์หลักนี้ ได้แก่ Smart-Product การพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า (HVA) เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่า จะเป็นทั้งในเรื่องคุณภาพและฟังก์ชั่น การใช้งานทั้งโครงการแนวราบและอาคารสูง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้างจุดเด่นที่ตรงใจ และความแตกต่างให้กับสินค้า รวมถึงเป็นการสร้างการตอกย้ำให้แบรนด์เป็นที่จดจำแก่ผู้บริโภคอีกด้วย

ด้านบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้มีการจับมือกับเจ้าของแบรนด์อาหาร และเครื่องดื่มกูร์เมต์ไอคอนจากนิวยอร์ก "ดีน แอนด์ เดลูก้า"(DEAN & DELUCA) เปิดให้บริการสาขาโครงการแอชตัน อโศก-พระราม 9 โดยร้านดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์ Urban Lifestyle แบบ ครบวงจรให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ รวมถึงคนทำงานทั้งชาวไทยและชาว ต่างชาติที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วในย่านนี้ อย่างไรก็ดีทางอนันดามีแผนที่จะขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องต่อไป ในอนาคต

ในส่วนของบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ล่าสุดได้เปิดตัว "นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง" ภายใต้คอนเซ็ปต์ Life Charger ความลงตัวของพื้นที่ชาร์จชีวิตคนเมืองยุค ดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง เสนาฯ กับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้ ดำเนิน การภายใต้บริษัท เสนา ฮันคิว

ทั้งนี้ นอกจากการนำนวัตกรรมที่เรียกว่า "Geo fit+" ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นนำมาใช้กับโครงการในเมืองไทยเป็นครั้งแรกซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง สามารถนำมาใช้กับการสร้างที่อยู่อาศัย อย่างยอดเยี่ยมทั้ง Japanese Functionality ฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ Japanese Innovation นวัตกรรมแนวคิด ใหม่ๆ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ และ Japanese Design กลิ่นอายของ ความเป็นญี่ปุ่นที่นำมาใช้ในการออกแบบ

ขณะเดียวกันเป็นครั้งแรกที่เสนาฯ ได้จับมือกับพันธมิตรอย่างทัม เอ็น ทัมส์คอฟฟี่ (TOM N TOMS COFFEE) เปิดสาขาภายในโครงการนิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง อีกด้วย ซึ่งในอนาคตอาจมีการขยายสาขาไปในโครงการอื่นๆ อีกด้วย

สำหรับเทรนด์สินค้าบริการเพื่อมารองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง คาดว่าจะมีการต่อยอดให้เห็นกันมากขึ้น นอกเหนือไปจากร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นยุคผู้บริโภคมีอำนาจในการซื้อจริงๆ

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์