ศุภาลัย โดดชิงแลนด์มาร์ก ตัดหน้า วัน แบงค็อก
Loading

ศุภาลัย โดดชิงแลนด์มาร์ก ตัดหน้า วัน แบงค็อก

วันที่ : 25 กันยายน 2560
ศุภาลัย โดดชิงแลนด์มาร์ก ตัดหน้า วัน แบงค็อก

ในที่สุด บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) สามารถเอาชนะศึกประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา บนถนนสาทร ติดถนนสวนพลู มูลค่าที่ดิน 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็น ตร.ว.ละ 1.45 ล้านบาท ฝ่าด่านคู่แข่งที่มีทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสถาบันการเงินนับสิบราย

เบื้องต้น นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) วางแผนพลิกโฉมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ และหมายมั่นปั้นเป็นแลนด์มาร์กใหม่ในย่านถนนสาทร-สีลม ซึ่งจะประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอ อาคารสำนักงานให้เช่า รวมถึงรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส มูลค่าโครงการรวม 17,000-20,000 ล้านบาท

หากวิเคราะห์เฉพาะจุดที่ตั้งของที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 70 เมตร และลึกประมาณ 160 เมตร ติดถนนสาทรใต้ ซึ่งถือเป็นถนนสายสำคัญ และทำเลทองในย่านธุรกิจที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาสูง ด้านหลังมีถนนที่สามารถออกซอยสวนพลูได้ รวมกับจุดเด่นด้านทำเลย่านถนนสาทรทั้งเส้นเป็นพื้นที่ของพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่น มีสำนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นจุดศูนย์รวมของชาวต่างชาติ กลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์และกำลังซื้อสูง

ล่าสุด บริษัทเริ่มออกแบบโครงการภายใต้แนวคิด Green Design ที่อนุรักษ์พลังงาน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีสวนขนาดใหญ่อยู่ในโครงการ และเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ของเดิมส่วนหนึ่งไว้ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ลูกค้าจองโครงการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561

สำหรับ "ศุภาลัย" ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดยตระกูล "ตั้งมติธรรม" มีสินค้าที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ที่ผ่านมายังมุ่งเน้นตลาดระดับราคาปานกลาง และมีโครงการตั้งอยู่ในหลายเมืองหลักในประเทศไทย ล่าสุดมีจำนวนโครงการจนถึงเดือนมิถุนายน 2560 ประมาณ 100 โครงการ เป็นโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม สัดส่วน 50:50 ซึ่งโครงการบนถนนสาทรจะเป็นโปรเจกต์ระดับพรีเมียมที่บริษัทลงทุนด้วย เม็ดเงินสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่า การกำหนดเปิดตัวโครงการแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนสาทรของศุภาลัยกลายเป็นเกมตัดหน้ายักษ์ใหญ่อย่างเครือทีซีซี กรุ๊ป ของกลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งประกาศทุ่มทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท ผุดโครงการ "One Bangkok (วัน แบงค็อก)" บริเวณหัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 ติดกับสวนลุมพินีตรงข้ามหัวมุมถนนสาทร ไม่ห่างไกลกันนัก โดยปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด วางแผนเริ่มก่อสร้างอภิมหาโครงการ เนื้อที่รวม 104 ไร่ ปลายปี 2560 และกำหนดเปิดให้บริการเฟสแรกในปี 2564 ก่อนจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2568

โครงการ วัน แบงค็อก จะประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ 5 อาคาร โรงแรมหรู 5 โรงแรม ที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี 3 อาคาร ร้านค้าปลีก พื้นที่กิจกรรมและศิลปวัฒนธรรม ขนาด 10,000 ตารางเมตร ทางเดินกว้างมากกว่า 40 เมตร ที่เขียวชอุ่มร่มรื่นเลาะรอบโครงการทางฝั่งถนนวิทยุและถนนพระราม 4 ซึ่งทีซีซีและเฟรเซอร์ฯ ทุ่มทุนและตั้งเป้าหมายสร้างแลนด์มาร์กระดับโลกแห่งใหม่ เนื่องจากเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทยโปรเจกต์แรกที่เครือทีซีซี กรุ๊ป ผนึกกำลังกับกลุ่มเฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด ในเครือเอฟแอนด์เอ็น หลังนายเจริญทุ่มเม็ดเงินกว่า 300,000 ล้านบาท ซื้อกิจการ "เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ" หรือ เอฟแอนด์เอ็น บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม และอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศสิงคโปร์เมื่อ ต้นปี 2556

ที่สำคัญ ทีซีซี กรุ๊ป ใช้เวลามากกว่า 10 ปี เดินหน้าตามยุทธศาสตร์เชื่อมต่อแลนด์มาร์ก เพื่อปลุกย่านถนนพระราม 4 ต่อเนื่องมาถึงถนนสาทรและสีลมให้เป็นทำเลทองเกรด A ไม่ต่างจากเส้นสุขุมวิท

เริ่มตั้งแต่เปิดโครงการ เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ (FYI CENTER) บริเวณหัวมุมถนนพระราม 4-รัชดาภิเษก เนื้อที่ 9 ไร่ พร้อมๆ กับการปรับปรุงการก่อสร้างอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อขยายพื้นที่ใช้เพื่อการพาณิชย์และที่จอดรถ ไม่น้อยกว่า 180,000  ตร.ม. มูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท

ตามด้วยโครงการ "สามย่านมิตรทาวน์" บนที่ดินผืนใหญ่ 13 ไร่ หัวมุมถนนพญาไท-พระราม 4 เพื่อสร้างศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญของโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ "สมาร์ทมิกซ์ยูส" ประกอบด้วยอาคารสำนักงานอัจฉริยะ (Artificial Intelligence Building) อาคารพักอาศัย และศูนย์ทักษะพัฒน์เพิ่มโอกาสการเรียนรู้แห่งแรกในประเทศไทย คาด เปิดให้บริการปี 2562 เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่หมุดหมายสุดท้าย "วัน แบงค็อก" ซึ่งคาดว่าจะดึงผู้คนมากกว่า 60,000 คนเข้ามาทำงานและพักอาศัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ขณะเดียวกัน บริเวณถนนสาทรยังมีโครงการของบริษัทในเครือ ทีซีซีอีกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นอาคารสาทร สแควร์ โรงแรมดับบลิว โฮเต็ล แบงค็อก และ ดิ แอสคอท สาทร

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ทำเลสาทรจะเพิ่มความคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการแข่งขันในตลาดลักชัวรี นอกจากโครงการระดับพรีเมียมของศุภาลัยแล้ว ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่เตรียมเปิดตัวอีก หลายโครงการ เช่น กลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตท ซื้อที่ดินข้างๆ ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่ราว 1 ไร่เศษ เพื่อสร้างคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เน้นความเป็นส่วนตัว คาดราคาขายเฉลี่ย ตร.ม.ละ 300,000 บาท

ส่วนบริษัทแสนสิริเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมติดสถานี รถไฟฟ้าบีทีเอส สุรศักดิ์ รวมทั้งมีอีก 2 โปรเจกต์ใหญ่ คือ โครงการ วัน แบงค็อก ของนายเจริญ และโครงการมิกซ์ยูสบนหัวมุมถนนสีลม ซึ่งโรงแรมดุสิตธานีร่วมมือกับกลุ่มเซ็นทรัล

ทั้งนี้ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ได้ประเมินราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2560 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ราว 4% เพราะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่กระจายตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ทำเลที่ดินที่มีราคาสูงสุดในกรุงเทพฯ 5 อันดับแรก ได้แก่ สยามสแควร์ เฉลี่ยอยู่ที่ ตร.ว.ละ 2.13 ล้านบาท สุขุมวิท (ไทม์สแควร์) เฉลี่ย 1.95-2 ล้านบาทต่อ ตร.ว. สีลม 1.7 ล้านบาทต่อ ตร.ว. ถนนวิทยุ เฉลี่ย 1.6 ล้านบาทต่อ ตร.ว. และสาทร เฉลี่ย 1.5 ล้านบาทต่อ ตร.ว. โดยทำเลย่านสาทรจะกลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ทั้งราคาที่ดินและอัตราค่าเช่าอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ที่สำคัญ แนวโน้มจะเติบโตแบบก้าวกระโดดทันทีที่บิ๊กโปรเจกต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่เปิดตัวด้วย

 
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ