UVการันตีรายได้ปีนี้พุ่ง15%เร่งปั๊มยอดขายครึ่งหลัง-โชว์แบ็กล็อก 4,546 ล้าน
Loading

UVการันตีรายได้ปีนี้พุ่ง15%เร่งปั๊มยอดขายครึ่งหลัง-โชว์แบ็กล็อก 4,546 ล้าน

วันที่ : 17 สิงหาคม 2560
UVการันตีรายได้ปีนี้พุ่ง15%เร่งปั๊มยอดขายครึ่งหลัง-โชว์แบ็กล็อก 4,546 ล้าน

UV มั่นใจปีนี้รายได้โต 10-15% ย้ำเป้ายอดขาย 16,500 ล้านบาท อวดครึ่งปีแรกยอดโอนแตะ 6,987 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 4,546 ล้านบาท พร้อมอัดแคมเปญ แช่แข็งเงินผ่อนนาน 3 ปีกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลัง

นายบัณฑิต ม่วงสอนเขียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 2560 เติบโต 10-15% จากปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 17,366 ล้านบาท โดยจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 15,800 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) มูลค่า 4,600 ล้านบาท และโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม) มูลค่า 11,200 ล้านบาท และรายได้ธุรกิจสังกะสีออกไซด์ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทมียอดโอนรวมอยู่ที่ 6,986 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวสูง มูลค่า 2,015 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 4,971 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมอยู่ที่ 4,546 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวสูง 1,017 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 3,529 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560

อีกทั้งในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 7,400 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 272 ล้านบาท

สำหรับสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2.ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ91% และ 3.ธุรกิจสังกะสีออกไซด์และอื่นๆ 9% โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็น โครงการแนวสูง 2,015 ล้านบาท, โครงการแนวราบ 4,972 ล้านบาท และธุรกิจอาคารพาณิชย์ 817 ล้านบาท รวมมูลค่า 7,804 ล้านบาท, ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอสังหาริมทรัพย์ รวมมูลค่า 71 ล้านบาท และธุรกิจสังกะสีออกไซด์และอื่นๆ 9% แบ่งเป็น ธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 724 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ 12 ล้านบาท รวมมูลค่า 736 ล้านบาท

ด้านนางอัจฉริยา อังศุธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และงบประมาณ UV กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) เหลืออยู่ที่ 5,500 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยขายได้อย่างต่อเนื่อง และมีการจัดแคมเปญ แช่แข็งเงินผ่อนนาน 3 ปีเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ายอดขาย (Presales) ในปี 2560 อยู่ที่ 16,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 3,500 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 13,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 8,400 ล้านบาท คิดเป็น 51% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2560

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มอีก 49% ได้ตามเป้าหมาย หลังจากครึ่งปีแรกที่ทำยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 51% แล้ว โดยได้นำโครงการคอนโดมิเนียม แบรนด์ ยู ดีไลท์ จำนวน 7 โครงการ มาออกแคมเปญ แช่แข็งเงินผ่อนนาน 3 ปีร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้นักลงทุน และลูกค้าที่มีฐานการเงินที่ดีเข้ามาซื้อ หรือปล่อยเช่า ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกสามารถปิดไปแล้ว 2 โครงการ

อีกทั้งจะมีการเปิดโครงการใหม่อีก 11 โครงการ ภายใต้แบรนด์ โกลเด้นแลนด์ ของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/60 จะเปิด 5 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 4 โครงการ และบ้านแฝด 1 โครงการ ส่วนในไตรมาส 4/60 จะเปิด 6 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 5 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ

สำหรับปี 2560 บริษัทตั้งงบประมาณในการซื้อที่ดินไว้ที่ 2,750 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้ซื้อที่ดินแล้ว 4 แห่ง มูลค่า 2,116 ล้านบาท ได้แก่ 1.ทำเลถนนจรัญสนิทวงค์ (จรัญฯ 81), 2.ทำเลถนนพหลโยธิน (ศรีปทุม), 3.ทำเลถนนวิภาวดี (จตุจักร 2) และ 4.ทำเลถนนพหลโยธิน (รัชโยธิน) โดยเป็นทำเลที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 300-400 เมตร เพื่อนำมาสร้างคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสร้างแบรนด์ใหม่ ส่วนงบที่เหลือ 634 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยซื้อได้หมดภายในครึ่งปีหลังนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายในการลดสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอสังหาริมทรัพย์ลงมาอยู่ที่ 80% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 91% เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และจะปรับรายได้จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์เป็น 10% ส่วนอีก 10% จะมาจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเป็นการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน

ส่วนธุรกิจสังกะสีออกไซด์ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 1,500-1,600 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีรายได้ 560 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตในปี 2560 อยู่ที่ 19,100 เมตริกตัน หรือคิดเป็น 96% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีบริษัทจากประเทศจีน เข้ามาตั้งโรงงานผลิตยางในประเทศมากขึ้น น่าจะส่งผลดีให้กับบริษัทในอนาคต

ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.28 เท่า ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มี D/E อยู่ที่ 1.22 เท่า เนื่องจากบริษัทและ GOLD ได้ออกหุ้นกู้ โดย GOLD ออกหุ้นกู้จำนวน 1,000 ล้านบาท และบริษัทออกหุ้นกู้จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องนางอัจฉริยา กล่าว

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น