'โกลด์'เร่งหาแนวทางลดยอดรีเจคทะลัก 30% อสังหา'กลุ่มเจริญ'ถกแบงก์
"ยูนิเวนเจอร์" แจงกำไรครึ่งปีแรกโตเท่าตัว
กรุงเทพธุรกิจ - กำไรบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเจ้าสัวเจริญ 6 เดือนแรกพุ่ง "ยูนิเวนเจอร์" โต 128 % ด้าน "แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้"เดินหน้าหารือสถาบันการเงินหวังลดปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อหลังยอดพุ่ง 30% ยันพบสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อ มั่นใจรายได้เติบโตตามเป้า เร่งวางแผนธุรกิจปี2561 คาดเปิดตัวโครงการใหม่ 20 โครงการมูลค่า2 หมื่นล้าน
จากการรวบรวมข้อมูลการรายงานกำไรช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นของกลุ่ม เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) พบว่า มีการเติบโตที่ดีขึ้น เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) GOLD อยู่ที่ 599 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7 % จากงวดเดียวกัน ปีก่อน บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) UV มีกำไรสุทธิ 618.61ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) TICON มีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท ลดลง 43.49 %
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อหาแนวทางการลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทให้ลดลง จากปัจจุบันที่ระดับ 30 % โดยมองว่าศักยภาพของผู้กู้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
"บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคาร เพื่อหาแนวทางการปรับลดยอดการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ระดับ 30 % ให้ลดลง เพราะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น จากการที่ลูกค้าหมดภาระรถยนต์คันแรก รวมถึงราคาสินค้าเกษตรเริ่มฟื้นตัว รวมถึงให้คำปรึกษากับลูกค้าให้กู้เงินได้ง่ายขึ้นด้วย"
อุตสาหกรรมอสังหาฯเริ่มมีการฟื้นตัว ที่ดีขึ้น เห็นได้จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวหลายพื้นที่ ซึ่งการขยายตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาทโดยโครงการแนวราบยังเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก
ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ว่า ภาวะอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ไตรมาสที่ 3 ประมาณ 1 พันล้านบาท และจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ประมาณ 4 พันล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมของ ปีนี้จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนวงเงินการซื้อที่ดินในครึ่งปีแรก บริษัทได้ใช้ไปแล้ว 2 พันล้านบาท และยังมีวงเงินอีกเหลือ 5 พันล้านบาท
ขณะที่มีงบประมาณซื้อที่ดินปีละ 7.5 พันล้านบาท ส่วนแนวทางการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนทรัสต์ เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ รีทนั้น คาดว่าจะได้รับความชัดเจนในปีหน้า โดยมีความเป็นไปได้ ที่จะขายทรัพย์สินในอาคารเอฟวายไอ โดยมีมูลค่าประมาณ 4 - 5 พันล้านบาทและบริษัทจะต้องเร่งยอดพื้นที่การใช้งาน ให้อยู่ที่ 90 -95 % จาก 85%
สำหรับแผนธุรกิจปี2561 บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผน เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ ทั้งสิ้น 20 โครงการมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และมี การตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินประมาณ 7.5 พันล้านบาท โดยบริษัทให้ความสนใจเข้าซื้อที่ดินในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เพื่อรับการเกิดขึ้นของ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวที่บังคับใช้นั้น ส่งผลกระทบกับบริษัทเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทบ้างซึ่งบริษัทได้หารือกับผู้รับเหมาเพื่อหาทางออกปัญหา ดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทมองว่าผลกระทบอาจจะมีแค่ในระยะสั้น แต่จะไม่ส่งผลกระทบ ในระยะยาว