มั่นใจอสังหายังโต เน้นกระจายเสี่ยง ลุยตจว.
Loading

มั่นใจอสังหายังโต เน้นกระจายเสี่ยง ลุยตจว.

วันที่ : 11 สิงหาคม 2560
มั่นใจอสังหายังโต เน้นกระจายเสี่ยง ลุยตจว.

ผลประกอบการใน 2 ไตรมาสแรกของปี 2560 สะท้อนภาพชัดเจนว่ากำลังซื้อระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาจากภาระหนี้และสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถทำให้คนกลุ่มนี้มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น และยังมีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงในระดับ 40-50%

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 นั้นไม่ได้แย่ลง เพราะปีที่ผ่านมามีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ถึง 4 เดือนแรก แต่ปีนี้ไม่มีมาตรการ ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของผู้ประกอบการ 7 รายแรกในตลาดนั้นปรับขึ้นทุกราย เนื่องจากมีการ กระจายความเสี่ยงพัฒนาทั้งโครงการในแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะแนวราบจะรับรู้รายได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม จะพบว่ามีเพียง ผู้ประกอบการที่เน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมที่เจาะลูกค้าเพียงกลุ่มเดียวที่รายได้และกำไรลดลงมาก เนื่องจากมีสินค้าที่โอนไปหมดแล้วในช่วงปลายปีก่อน หรือในไตรมาสแรกปีนี้ แต่ไม่มีสินค้ารอโอนในไตรมาส 2 เป็นต้น

ขณะที่ โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอป เมนท์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 บริษัทมีโครงการที่จะแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,870 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวเพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 11,650 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2560 บริษัทมี Backlog รวม 7,074 ล้านบาท แยกเป็นปี 2560 จำนวน 2,862 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 4,010 ล้านบาท และปี 2562 จำนวน 202 ล้านบาท และของบริษัทย่อยอีก 356 ล้านบาท

ด้าน ภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ

โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเห็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ระดับท็อปเทนในตลาดเริ่มมาพัฒนาโครงการประเภททาวน์โฮมและบ้านแฝดในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดทาวน์โฮมในปี 2561 กลายเป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรงมากขึ้น หรือเรดโอเชี่ยน เห็นได้จากตัวเลขยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง แต่อุปทานใหม่เปิดตัวเพิ่มขึ้น

บริษัทจึงได้กระจายความเสี่ยงโดยการขยายการลงทุนในต่างจังหวัดที่ยังมีการเติบโตที่ดี โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดขายโครงการแรกคือ โกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พัฒนาเป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝดสไตล์อิตาลี จำนวน 476 ยูนิต ราคา 1.59-2.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,170 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือขายกว่า 100 ยูนิต

"ตลาดต่างจังหวัดมีความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะทาวน์โฮมและบ้านแฝด แต่การพัฒนาสินค้านั้นจะต้องตอบโจทย์ โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าที่ต้องให้มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น" ภวรัญชน์ กล่าว

ขณะเดียวกันก็เร่งศึกษาความต้องการซ่อนเร้นในทุกภูมิภาค อย่างเช่น จ.พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี ภูเก็ต เป็นต้น โดยราคาที่ดินที่จะสามารถพัฒนาได้ในรูปแบบดังกล่าวอยู่ที่ 4-6 ล้านบาท/ไร่ บนที่ดินขนาด 30-50 ไร่ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการขายโครงการในต่างจังหวัดอยู่ที่ 5% คาดว่าปีหน้าจะอยู่ที่ 10% และภายใน 5 ปี จะอยู่ที่ 15% จากเป้ารายได้รวม 3 หมื่นล้านบาท

ในครึ่งปีหลังภาพที่เห็นในตลาดอสังหาฯ คือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เพื่อเร่งยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในสถานการณ์ตลาดที่ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์