“TFD” การันตีงบปี 60 เทิร์นอะราวด์ รายได้พุ่งเข้าเป้า 4,000 ล้านบาท รับอานิสงส์ EEC ดันยอดขายที่ดิน-โรงงานให้เช่า-คลังสินค้าพุ่ง จ่อเปิดขายคอนโดพรีเมี่ยมใจกลางรัชดาฯร่วมกับพันธมิตรจีน “คันทรี การ์เด้นฯ” มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท ในไตรมาส3/60 นายอภิชัย เตชะอุบล รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 2560 จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ตามแผน คาดจะมีรายได้จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้มียอดขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม และยอดขายในส่วนของธุรกิจโรงงาน และคลังสินค้าให้เช่า

โดยบริษัทมีพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 800 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในโซนแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ดังนั้นจึงคาดจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอผลผ่านการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดจะได้รับการอนุมัติภายในเร็ว ๆ นี้

สำหรับธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า ภายใต้การบริหารงานของบริษัท โทเทิล อินดัสเตรียล เซอร์วิสเซส จำกัด (TISCOM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TFD ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยมีโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า 3 โครงการ คือ โครงการ Green Park 1 ตั้งอยู่ในนิคมฯทีเอฟดี เฟส 2 จำนวน 8 โรง ขนาด 57,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 25%  ขณะที่โครงการ Green Park 2 (บางเสาธง) ขนาด 16,400 ตารางเมตร อยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.22 มูลค่า 600 ล้านบาท และโครงการ Green Park 3 (บางเสาธง) ขนาด 23,000 ตารางเมตร มูลค่า 800 ล้านบาท

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท บิวตี้ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ช ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มของ “Country Garden Holdings” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาที่ดินอันดับหนึ่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

โดยจะร่วมทุนในโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมใจกลางรัชดาฯ ย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนและลูกค้าชาวจีน คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ภายในไตรมาส 3/60 และจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนได้ภายในปี 2562

ทั้งนี้ บริษัทไม่มีปัญหาในเรื่องของเงินลงทุน เนื่องจากได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเอาไว้แล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2 บาท ให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไต้หวัน 2 ราย และนักธุรกิจอสังหาฯในไทย 1 ราย โดยได้เงินเข้ามากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับการขยายธุรกิจในปี 2560 ตามแผน