แสนสิริ-สมิติเวช จับมือตั้งเฮลท์แคร์
Loading

แสนสิริ-สมิติเวช จับมือตั้งเฮลท์แคร์

วันที่ : 1 กรกฎาคม 2560
แสนสิริ-สมิติเวช จับมือตั้งเฮลท์แคร์

"แสนสิริ" ลงนามพันธมิตรรพ.สมิติเวช เล็งผุดศูนย์สุขภาพในโครงการ อสังหาฯในเครือ ตอบโจทย์บริการสุขภาพลูกบ้านแต่ละวัย

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รอง กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกัน เช่น การจัดตั้งศูนย์เมดิคัล และเวลเนสเซ็นเตอร์ เอื้ออำนวยกับการใช้ชีวิตของลูกบ้านภายในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ หลังจากที่ได้ลงนามสัญญาเป็นพันธมิตรกับทางสมิติเวช เพื่อให้เป็นที่ปรึกษาและช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในการออกแบบและแนะนำเรื่องการใช้วัสดุกับสนามเด็กเล่นภายในโครงการ

 

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว อาจรวมถึงการให้บริการ บำรุงซ่อมแซม รวมถึงบริการเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ลูกบ้านแต่ละวัย รวมถึงกลุ่มผู้สูงวัยด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในระยะเวลาอีก 3-5 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนผู้สูงวัย กว่า 20%ของประชากรทั่วประเทศ

 

สำหรับสนามเด็กเล่น แบบ educational playground เป็นหนึ่งใน แคมเปญ" Fill your life with good" ที่บริษัทได้ใช้งบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท จัดทำแคมเปญ ตลอดระยะเวลา 6 เดือน

 

โดยชู 6 ฟังก์ชันที่ออกแบบให้ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย แต่ละโครงการและเติมเต็มประสบการณ์ การใช้ชีวิต เช่น สระว่ายน้ำพร้อมระบบ เสียงเพลงใต้น้ำ, ครัวส่วนกลางที่ใช้เป็นพื้นที่จัดปาร์ตี้ได้, ที่จอดรถ ออกแบบให้มีพื้นที่กว้างเป็นพิเศษและจัดไฟเหมือนโชว์รูมรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ในปัจจุบันมีโครงการนำร่องที่บริษัทได้เลือกนำบางฟังก์ชันไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโครงการ ได้แก่ โครงการคณาสิริ รังสิต คลอง2, โครงการเศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า กาญจนา และโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา ทั้งเตรียมนำฟังก์ชันไปใช้กับโครงการอื่นๆ ในอนาคต เช่น โครงการบุราสิริ วัชรพล และโครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ 345  ขณะที่ภาพรวมดีคอนโดมิเนียม พิงค์ เชียงใหม่ รูปแบบ 2 อาคาร จำนวน 400 ยูนิต ยูนิตละ 1-2 ล้านบาท โดยขณะนี้สามารถขายคอนโดให้แก่ลูกค้าต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าฮ่องกงและจีนแล้วกว่า 100 ยูนิต และคาดว่าจะเริ่มโอนปีหน้า และยังมีแผนโรดโชว์ที่สิงคโปร์และจีน ในเร็วๆนี้ ส่วนภาพรวมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงต้นปียังมีคอนโดที่ยังคงค้าง ประมาณ 5 หมื่นยูนิต ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดูดซับตลาดประมาณ 9-10 เดือน โดยมองว่าคอนโดยังโอเวอร์ซัพพลายเป็นบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณสายสีม่วง ตอนปลาย และคอนโดที่โอเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคอนโดตลาดกลาง-ล่าง

 

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า ภาพรรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น จากภาคการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว แต่ก็อาจต้องพิจารณาควบคู่กับสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มเติม

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ