บิ๊กอสังหาฯลุยครึ่งปีหลังผุดโครงการ1.2แสนล. รีเซลร่วมวง ตลาดแข่งเดือด

บิ๊กอสังหาฯลุยครึ่งปีหลัง ผุดโครงการ1.2แสนล.รีเซลร่วมวง ตลาดแข่งเดือด
สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องลุ้นกันเหนื่อยกับสภาพตลาดที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่รู้สึกว่าเหมือนจะดี แต่ในชีวิตจริงกลับมีแต่ทรงๆ ทรุดๆ หาจุดพลิกฟื้นกลับมายังไม่ได้
ปัญหาสำคัญคือ กำลังซื้อที่หดหายไปจากตลาดด้วยความไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่จึงไม่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยให้เป็นภาระในเวลานี้ หรือกลุ่มที่ต้องการซื้อจริง แต่ติดปัญหากู้ ไม่ผ่าน ด้วยสุขภาพการเงินที่อ่อนแอลง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่เพิ่มมาขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับ 40-50%
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะยังไม่เอื้ออำนวย แต่ผู้ประกอบการก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนที่วางไว้ในครึ่งปีหลัง และเร่งระบายสต๊อกที่ยังเหลืออยู่ในมือ พร้อมกับคาดหวังว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกจากปัจจัยหนุนในด้านต่างๆ ที่จะช่วยปลุกตลาดในช่วง 6 เดือนที่เหลืออีกครั้ง โดยเฉพาะบริษัทรายใหญ่ที่ยังเดินหน้ารุกอย่างเต็มที่ พร้อมกับการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่ผู้ประกอบการ 6 รายใหญ่ในตลาดได้เตรียมลงทุนในช่วงครึ่งหลังกันอย่างพร้อมหน้า ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1.27 แสนล้านบาท โดยเฉพาะบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ที่มีแผนเปิดโครงการอีก 32 โครงการ มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัท แสนสิริ เปิดอีก 16 โครงการ 3.6 หมื่นล้านบาท
บริษัท ศุภาลัย เปิด 24 โครงการ มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านแนวราบ 20 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.27 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 4 โครงการ มูลค่า 9,790 ล้านบาท บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังรวม 12 โครงการ มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 6,350 ล้านบาท ทาวน์โฮม 4 โครงการ มูลค่า 3,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 1.24 หมื่นล้านบาท
บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ ครึ่งหลังปี 2560 จะเปิดอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดที่สาธุประดิษฐ์ 27 มูลค่า 2,000 ล้านบาท พหลโยธิน 32 มูลค่า 1,500 ล้านบาท และพระราม 3 ที่จะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เบื้องต้นอาจจะมีสำนักงาน เนื้อที่รวม 24 ไร่ มูลค่า 5,000 ล้านบาท หากเฉพาะคอนโดโครงการจะมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท
ขณะที่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะมีโครงการใหม่อีก 9 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท โดยยังเน้นที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ยังคงมีความต้องการต่อเนื่อง
มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ในภาวะอิ่มตัว และจะมีการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะจะต้องเร่งสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมกับการเร่งระบายสต๊อกเก่าที่ยังคงมีอยู่ด้วยโปรโมชั่นลดราคา
ขณะที่ อธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า นอกจากซัพพลายจากโครงการใหม่ที่จะแข่งขันกันในตลาดแล้ว ซึ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องดูคือ โครงการที่ขายไปแล้วจะกลับเข้ามารีเซลในตลาดมากขึ้น จากแรงกดดันของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะประกาศใช้ในปี 2562 ซึ่งจะให้คนที่ซื้อไปแล้วปล่อยขายในช่วงนับจากนี้ไปอีก 3 ปีอยู่พอสมควร และจะเป็นคู่แข่งในตลาดบ้านใหม่ที่ต้องจับตา
แสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังไปได้ ตลาดยังมีความต้องการที่หลบซ่อนอยู่หากพัฒนาโครงการให้แตกต่าง หรือโดนใจกลุ่มผู้ซื้อ แต่ก็ยังมีอุปสรรคเรื่องการขอสินเชื่อ จึงทำให้ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหญ่ได้ จึงทำให้ตลาดทาวน์เฮาส์เป็นที่ต้องการมากสำหรับกลุ่มที่สร้างครอบครัวใหม่ รวมไปถึงกลุ่มที่อยู่อาศัยในนิคมอุตสาหกรรม
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมาก การพัฒนาสินค้าจึงต้องให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 1.8 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีทำได้แล้ว 1 หมื่นล้านบาท ส่วนรับรู้รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท หากนับรวมรายได้จากการเช่าอาคารสำนักงานจะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า ภาพรวมในไตรมาส 3 ของปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการเร่งทำโปรโมชั่น พิเศษ เพื่อส่งเสริมการตลาดและการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ผ่านมาบริษัทได้มีทำ โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างหลากหลายรูปแบบ
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดโปรโมชั่น "ได้บ้าน ได้บิน ฟินไกล ทั่วเจแปน" ถือเป็นครั้งแรกของความร่วมมือกับการบินไทย ที่มอบสิทธิพิเศษแห่งการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้กับลูกค้าที่สนใจจองบ้านหรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่กว่า 80 โครงการทั่วประเทศของบริษัท โดยมอบสิทธิบินฟรี รับบัตรโดยสารเครื่องบิน 2 ท่าน หรือสูงสุด 4 ที่นั่ง
สำหรับภาพรวมในครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดีสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะโครงการในโซนแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องการก่อสร้างและพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า
แม้ว่าในครึ่งปีหลังผู้ประกอบการจะยังต้องต่อสู้ดิ้นรนกันอย่างเหนื่อยหนัก แต่ก็ใช่ว่าในภาวะที่ยากลำบาก จะไม่มีโอกาสดีๆ ซ่อนอยู่เสียเลย หากเดินอย่างระมัดระวัง พร้อมปรับตัวไปกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ โอกาสที่ดีคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม .
รายใหญ่คุมตลาด รายเล็กน่าห่วง
อภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร เปิดเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลังปี 2560 ว่า แนวโน้มตลาด คาดว่าทรงตัวไม่มีการเติบโต เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะการเปิดตัวโครงการลดลงตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดี จะมีการเร่งเปิดโครงการตามแผนในช่วง ไตรมาส 3 กันมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับผู้ประกอบการรายกลาง
และเล็กยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อทำให้เข้าถึงแหล่งทุนไม่ง่ายนัก ทั้งนี้เห็นว่าสถาบันการเงินควรมีการผ่อนปรน หรือปรับเงื่อนไขในการให้สินเชื่อ ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อบ้านควรรวมไปถึงผู้ประกอบการด้วย หากเห็นว่ามีความเสี่ยงก็อาจขยายฐานหรือเพิ่มดอกเบี้ยเช่นเดียวกับการปล่อยสินเชื่อบุคคล แม้จะเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่แบงก์ก็ยังมีการออกโปรดักต์มาตลอด และเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
ในส่วนของกำลังซื้อนั้นลดลงในบางกลุ่ม เนื่องจากยังไม่เชื่อมั่นด้วยเหตุเศรษฐกิจฟื้นตัวเล็กน้อย ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการต้องร่วมโหมจัดกิจกรรมทั้งในแง่ของการออกสินค้าใหม่ และการส่งเสริมการขายเพื่อขับเคลื่อนตลาดไม่ให้ซึม
อย่างไรก็ดี เห็นว่ายังคงมีปัจจัยทั้งบวกและลบ โดยตลาดอาจจะได้แรงหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ การผลักดันพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ เช่น อีอีซี รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ก็จะเห็นเป็นรูปธรรมในปีหน้า ขณะที่หนี้ครัวเรือนและการปฏิเสธสินเชื่อยังสูง
ด้านตลาดบ้านมือสองเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องช่วง 10 ปี โตเฉลี่ยถึง 100% มูลค่าตลาดอยู่ราว 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นตลาดใหญ่กำลังซื้อมีต่อเนื่องแต่ไม่หวือหวา ต่างกับกำลังซื้อบ้านใหม่ แม้เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรกลุ่มนี้ก็กระทบไม่มาก
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์