ทำเลสายสีเขียวเหนือฮอต น้องใหม่ อาร์เค พลัสฯ ชิมลางคอนโดฯโลว์ไรส์
"อาร์เค พลัสฯ" อสังหาฯน้องใหม่ โดดชิมลางตลาดคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-คูคต ส่งแบรนด์แมกซ์ซี่ จับตลาดกลาง-ล่าง เผยไม่หวั่นปัญหาหนี้ครัวเรือน แย้มแผนธุรกิจเล็งพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้าต่อเนื่อง มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี
นายวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการสายการเงิน บริษัท อาร์เค พลัส เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า หลังจัดตั้งบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยพัฒนาโครงการแรกภายใต้ชื่อ "แมกซ์ซี่ คอนโด" คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น มูลค่ากว่า 450 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ย่านรัชโยธิน-พหลโยธิน 34 จำนวน 249 หน่วย ราคาขายเริ่มที่ 1.29 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 67,000 หมื่นบาทต่อตารางเมตร
ด้าน นางสาวแพรรินทร์ เรืองปัญญาวุฒิ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทเลือกทำเลย่านรัชโยธิน-พหลโยธิน 34 เนื่องจากมีแหล่งงานจำนวนมาก อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ส่งผลให้มีความต้องการที่อยู่ตามมา ในขณะที่สินค้าคงเหลือในตลาดค่อนข้างน้อย
เนื่องจากราคาที่ดินริมถนนในบริเวณดังกล่าวสูงถึง 2.5-3 แสนบาทต่อตารางวา ซึ่งพัฒนาได้เฉพาะคอนโดมิเนียมเท่านั้น แต่ผังเมืองในบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่สีน้ำเงิน คือ ที่ดินประเภทหน่วยงานราชการ และสาธารณูปโภค ที่กำหนดให้ประโยชน์ที่ดินเพื่อสถาบันราชการ การศาสนา การศึกษา การสาธารณูปโภค และสาธาร-ณูปการ หรือสาธารณประโยชน์ การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ให้ใช้ได้เฉพาะที่จำเป็น หรือเกี่ยวเนื่องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินหลัก ส่งผลให้มีที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมีจำนวนจำกัด
จากปัจจัยบวกและข้อจำกัดดังกล่าว ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มใหญ่อยู่ในระดับกลาง-ล่าง บริษัทจึงเลือกพัฒนาโครงการในซอยแทน โดยเน้นสินค้าที่มีสไตล์ในราคาจับต้องได้ ซึ่งขณะนี้มียอดจองแล้ว 20% และมีผู้สนใจลงทะเบียน 1,500 ราย คาดว่าจะปิดการขายในสิ้นปีนี้ และเริ่มก่อสร้างโครงการในต้นปี 2561 แล้วเสร็จปี 2562
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1-2 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้งสายสีเขียวและสีน้ำเงินรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตร และในครึ่งหลังปี 2560 บริษัทมีแผนซื้อที่ดินเพิ่ม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา ส่วนจะพัฒนาโครงการในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับทำเลศักยภาพที่ดินที่ได้มาและอยู่ในงบประมาณที่สามารถนำมาพัฒนาในราคาที่จับต้องได้ ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลักคงเป็นตลาดระดับกลาง-ล่าง
"แม้ว่าบริษัทจะมุ่งเน้นที่ตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาในเรื่องของหนี้สินภาคครัวเรือน แต่บริษัทไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากเก็บเงินดาวน์ทำสัญญาที่ 15% ซึ่งถือว่าเป็นการกรองลูกค้าระดับหนึ่งแล้ว กลุ่มลูกค้าที่ซื้อมีทั้งกลุ่มนักลงทุนระยะยาวและอยู่อาศัยจริง" นางสาวแพรรินทร์ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ