คมนาคมเสนอรถไฟฟ้า 5 สายเข้า ครม.กลางปีนี้ ยันระบบรางแผน 1 จบในปี 2560 ชี้ลงทุน 2.3 ล้านล้าน ใน 8 ปี

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเร่งพิจารณาอนุมัติเมกะโปรเจกต์ มูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท ให้แล้วเสร็จในปีนี้ โดยในส่วนของรถไฟฟ้าเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในกลางปีนี้รวม 5 สาย คือ สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย บางแคพุทธมณฑล สาย 4 สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงคูคต-ลำลูกกา และช่วงสมุทรปราการ-บางปู รวมทั้งแอร์พอร์ต เรลลิงค์ สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง

นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ อีก 9 สาย ที่จะผลักดันในปีนี้ คาดว่าใน 2 เดือน จะนำเสนอโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่ คือ สายเด่นชัย-เชียงรายเชียงของ และสายบ้านไผ่-มุกดาหารนครพนม เพื่อให้ ครม.พิจารณาอนุมัติก่อน

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง จะเร่งผลักดันเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ที่เชื่อม 3 สนามบิน คือสนามบินอู่ตะเภา สุวรรณภูมิ และดอนเมือง ตามนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะใช้เวลาศึกษา 3 เดือน ส่วนกรณีที่ทางญี่ปุ่นเสนอให้มีการขยายไปถึงพระนครศรีอยุธยานั้นต้องศึกษาเพิ่มเติม ทั้งนี้จะมีการรายงานความก้าวหน้าผลการศึกษาให้คณะกรรมการอีอีซีในกลางเดือน ก.ค.

ทั้งนี้ การลงทุนระบบคมนาคมของภาครัฐ 2.3 ล้านล้านบาท มีระยะเวลาลงทุนจำนวน 8 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2565 คาดว่าภายในปี 2562 จะเห็นการก่อสร้างเป็นรูปธรรม และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในช่วงปี 2565-2567

"มั่นใจว่าการเสนอโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลตาม

แผนแม่บทฉบับที่ 1 จะทำได้ครบถ้วนภายในปีนี้ และปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำแผนแม่บทฉบับที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นโครงข่ายย่อยในเส้นทางกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลักให้สมบูรณ์ โดยในเบื้องต้นมีโครงการรถไฟฟ้า 2 สี ในแผนแม่บทฉบับที่ 2 คือ สายสีน้ำเงินและสายสีทอง ซึ่งจะส่งต่อไปให้รัฐบาลในชุดต่อไปดำเนินการ" นายอาคม กล่าว

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียล เอสเตทพรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้จะมีมูลค่า 3.89 แสนล้านบาท และจะได้รับแรงหนุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มาขับเคลื่อนที่ชัดเจนในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตได้ในระดับ 5%

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมจะทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับที่รัฐจะเก็บภาษีที่ดินที่อยู่บริเวณโครงการลงทุนของรัฐ หรือภาษีลาภลอย เนื่องจากจะซ้ำซ้อนกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ปี 2562

น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าทำให้เกิดความเจริญ สิ่งที่เห็นชัดคือราคาที่ดินจะขึ้นเร็วมาก หรือแม้แต่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่รัฐบาลกำลังผลักดันจะเห็นว่าราคาที่ดินได้ปรับขึ้นไปแล้ว ทั้งที่สาธารณูปโภคยังไม่เกิดขึ้น

ขณะที่การจัดเก็บภาษีลาภลอย อาจวุ่นวายเรื่องประเมินมูลค่าส่วนต่างของสินทรัพย์ที่ถูกจัดเก็บภาษี เพราะไม่มีตัววัดส่วนเกินเป็นรูปธรรม

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์