อสังหาฯลอนดอนยังฮอต ไนท์แฟรงค์ฯชี้ค่าปอนด์อ่อนโอกาสลงทุนทำกำไร-ผลตอบแทนสูง
Loading

อสังหาฯลอนดอนยังฮอต ไนท์แฟรงค์ฯชี้ค่าปอนด์อ่อนโอกาสลงทุนทำกำไร-ผลตอบแทนสูง

วันที่ : 5 เมษายน 2560
อสังหาฯลอนดอนยังฮอต ไนท์แฟรงค์ฯชี้ค่าปอนด์อ่อนโอกาสลงทุนทำกำไร-ผลตอบแทนสูง

ไนท์แฟรงค์ฯ ดึงเศรษฐีไทยลงทุนอสังหาฯ ลอนดอน ชี้โอกาสได้ผลตอบแทน 3.5-4.8% เหตุค่าเงินปอนด์ยังอ่อน 20%

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยเมืองที่ได้รับความสนใจไม่ว่าจะเป็นลอนดอน ฮ่องกง โตเกียว นิวยอร์ก และโดยเฉพาะลอนดอนถือว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาของกลุ่มเศรษฐีชาวไทย ซึ่งพบว่า 80% ซื้อเพื่อใช้เป็นที่พักของบุตรหลาน และอีก 20% ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและเก็งกำไร ทั้งนี้เทรนด์การลงทุนจะเน้นในเมืองใหญ่และผู้ประกอบการหันไปซื้อทรัพย์สินตั้งแต่อาคารขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่รวมถึงโรงแรม โดยมีผู้ประกอบการบางรายซื้อกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ผลจากสหราชอาณาจักรออกจากกลุ่มอียู (Brexit) ทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 20% และราคาอสังหาฯ ปรับลดลงจากปี 2559 ราว 8-10% แต่ ระดับลักซ์ชัวรี่ลดลงถึง 20%  อีกทั้งผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองราคาได้และด้วยราคาที่ลดลงในตลาดรีเซลส์ ทำให้เมืองลอนดอนมีศักยภาพด้านการลงทุนที่สุดเนื่องจากตอนนี้ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 2-4% ต่อปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนอยู่ราว 3.5-4.8% ต่อปีขึ้นอยู่กับโลเกชั่น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรช่วงนี้ ทั้งนี้ได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทยซึ่งมีลูกค้าไพรเวทแบงก์ 1 หมื่นคน มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 7 แสนล้านบาท ได้รับทราบข้อมูล

สำหรับรายงานความมั่งคั่งทั่วโลกล่าสุด พบว่าในปี 2559 มีจำนวนของกลุ่ม

อภิมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินสุทธิสูงประมาณพันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 6,340 คน จากกลุ่มมหาเศรษฐี 125 เมืองใน 89 ประเทศทั่วโลก โดยในทวีปเอเชียมีมหาเศรษฐี พันล้านมากขึ้น โดยจีนจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ที่เพิ่มขึ้นถึง 140% อย่างไรก็ดีคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีอัตราเติบโตของเศรษฐีทั่วโลกที่ 43% โดยเอเชียจะเพิ่มแซงทุกภูมิภาคอื่นอยู่ที่ 91% ส่วนไทยจะอยู่ที่ 84%

ด้าน นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีที่แล้วบริษัทขายอสังหาฯ ในลอนดอนได้ 12 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 720 ล้านบาท แบ่ง

เป็นอพาร์ตเมนต์ 9 ยูนิต ราคาเฉลี่ยที่ 51 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 3 ยูนิต ราคาเฉลี่ยที่ 86.5 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าขาย 30 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการมีมาก

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์