สิงห์ ประกาศแผนลงทุนปี60 ทุ่ม1.5หมื่นล.ลุยอสังหาฯ-รร.-ออฟฟิศเช่า
Loading

สิงห์ ประกาศแผนลงทุนปี60 ทุ่ม1.5หมื่นล.ลุยอสังหาฯ-รร.-ออฟฟิศเช่า

วันที่ : 26 มกราคม 2560
สิงห์ ประกาศแผนลงทุนปี60 ทุ่ม1.5หมื่นล.ลุยอสังหาฯ-รร.-ออฟฟิศเช่า

"สิงห์ เอสเตท" เปิดแผนธุรกิจปี 60 ทุ่มงบ 15,000 ล้านบาท ลุยธุกริจ ที่อยู่อาศัย -โรงแรม -สำนักงานเช่าพื้นที่ค้าปลีก เน้นการพัฒนาโครงการใหม่ เข้าซื้อกิจการ และการร่วมมือกับพันธมิตร พร้อมเปิดตัว 3 โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงแนวราบระดับซูเปอร์ลักชัวรี มูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท แจงปี 59 รายได้ 9 เดือน 1,713 ล้านบาท วางเป้าปี 60 ยอดขาย 6,086 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 521%

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2560 นี้ ยังคงเน้นการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 2.ธุรกิจอาคารสำนักงานเช่าและพื้นที่ค้าปลีก และ 3.ธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้บริษัทมีงบในการลงทุนขยายงาน 3 ธุรกิจหลักประมาณ 14,355 ล้านบาท โดยยังใช้โมเดลธุรกิจเดิม คือการการพัฒนาโครงการใหม่ เข้าซื้อกิจการ และการร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งในปีนี้ สิงห์ฯ ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมมากสุดโดยมีสัดส่วนการลงทุน 65% หรือใช้งบลงทุน 9,232ล้านบาท รองลงมาคือธุรกิจที่อยู่ศัย ซึ่งมีสัดส่วนลงทุน 25% หรือใช้งบลงทุนประมาณ 3,647 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วนในการลงทุน 10% หรือใช้งบลงทุนประมาณ 1,476 ล้านบาท โดยงบลงทุนทั้ง 3 ส่วนอาจมีการปรับเพิ่ม-ลดลงตามสถานกาณ์ แต่จะอยู่ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะมีการซื้อโรงแรมในใหม่ในประเทศอังกฤษเพิ่มอีก 3 แห่ง ซึ่งจะทำให้ สิงห์ฯ มีพอร์ตโรงแรมในประเทศอังกฤษ และสกอตแลนด์ทั้งสิ้น 29 แห่ง หรือมีห้องพักให้บริการลูกค้ารวม 3,000 ห้อง จากปัจจุบันมีอยู่ 26 แห่งหรือมีห้องพักโรงแรมให้บริการรวม 2,800 ห้อง และหลังจากนี้จะชะลอการเพิ่มพอร์ตโรงแรมในประเทศอังกฤษ แล้วหันมาเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศเอเชีย โดยวางสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไว้ที่ 75% จากโรงแรมในไทยและเอเชีย ส่วนรายได้จากโรงแรมในต่างประเทศจะมีสัดส่วน 25%

ส่วนกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานเช่าและพื้นที่ ค้าปลีก ยังเน้นการเข้าซื้ออาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มสำนักงานเกรดเอ พรีเมียม และไลฟ์สไตล์รีเทล โดยปัจจุบัน สิงห์มีสำนักงานเช่าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคือ โครงการสิงห์คอมเพล็กซ์ซึ่งงานก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 15% แล้วคาดว่าในสิ้นปีนี้จะก่อสร้างในส่วนของอาคารสำนักงานและส่งมอบแก่บริษัทบุญรอดฯได้ทั้งหมด ขณะที่อาคารซันทาวน์เวอร์ ขณะนี้เปิดให้ใช้พื้นที่แล้วหลังรีโนเวต ส่วนพื้นที่ซันพลาซ่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย ในปีนี้ สิงห์ฯ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบ ด้วยโครงการคือ คอนโดมิเนียม THE ESSE ในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ อโศก-เพชบุรี มูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวปลายไตรมาสแรก ของปีนี้ โครงการสันติบุรี เรสซิเดนซ์ เลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา บ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรี ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท จำนวน 24 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 45-2-92 ไร่ มูลค่าขายรวม 5,000 ล้านบาท จะเปิดตัวไตรมาส 4 และโครงการซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดฯ บนถนนสุขุมวิท 36 ติดบนพื้นที่โครงการ 2-2-0 ไร่ มูลค่า6,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 4 เช่นกัน

ขณะที่บริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัทเนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะเปิดตัวโครงการ ใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท โดยจะเน้นจับตลาดกลาง-บน ราคา 8-10 ล้านบาท ขึ้นไป ส่วน บริษัท ไดอิ จำกัด ซึ่งเชี่ยวชาญธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้จะมีการเพิ่มแบบบ้านใหม่ 5 แบบเพื่อตอบรับความต้องการลูกค้าใหม้มากขึ้น

นายนริศ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายด้านยอดขายและรายได้ของกลุ่ม สิงห์ฯ ยังคงมุ่งเน้น การสร้างรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อให้มีรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2563 โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 6,086 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 กว่า 521% สำหรับปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม ณ 9 เดือนอยู่ที่ 1,713 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 กว่า 273 ล้านบาท หรือเติบโตจาก ช่วงเดียวกันของปี 19% โดยเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจ ที่อยู่อาศัย 32% เป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจ อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 445 ล้านบาท 25% เป็นรายได้จากกลุ่มโรงแรม 43% โดยมีกำไรสุทธิรวมที่ 561 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 717%

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา