'เพซ'ดึงทุนนอกถือหุ้นรับทรัพย์8.4พันล.ปั้นมหานคร
Loading

'เพซ'ดึงทุนนอกถือหุ้นรับทรัพย์8.4พันล.ปั้นมหานคร

วันที่ : 13 มกราคม 2560
'เพซ'ดึงทุนนอกถือหุ้นรับทรัพย์8.4พันล.ปั้นมหานคร

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) PACE เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือทางธุรกิจ กับ บริษัท อพอลโล โกลบอล แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ "Apollo" หนึ่งในสถาบันจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อลงทุน 8.4 พันล้านบาท หรือ 235 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ 'มหานคร' ผ่านการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด (PP1) และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด (PP3)

นายสรพจน์กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ ประกอบด้วยสัดส่วนการลงทุนของอพอลโล 5.9 พันล้านบาท หรือ 165 ล้านดอลลาร์ และโกลด์แมน แซ็คส์ 2.5 พันล้านบาท หรือ 70 ล้านดอลลาร์ รวมสัดส่วนลงทุน 49% โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักของโครงการมหานคร ได้แก่ โรงแรมบางกอก เอดิชั่น ส่วนรีเทล มหานคร คิวบ์ รวมถึงจุดชมวิว ออบเซอร์เวชั่นเด็ค และรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในไทย

"การร่วมทุนครั้งนี้ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปลายเดือน ม.ค. ซึ่งช่วยให้โครงสร้างการเงินของบริษัทเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะนำเงินกว่า 2 พันล้านบาท คืนหนี้เงินกู้ ช่วยให้หนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงจาก 8 เท่า มาอยู่ที่ 3 เท่า ส่วนเงินที่เหลือจะนำใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ รวมทั้งใช้ขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ทั้งในไทย และสหรัฐอีกด้วย" นายสรพจน์กล่าว

สำหรับโครงสร้างรายได้ของเพซ ดีเวลลอปเมนท์ ในปี 2560 ส่วนหลักจะมาจากการโอนโครงการมหานคร ซึ่งปัจจุบันขายไปแล้ว 1 หมื่นล้านบาท เริ่มรับรู้เมื่อปี 2559 ราว 1 พันล้านบาท และจะรับรู้ในปีนี้อีก 9 พันล้านบาท โดยยังไม่รวมส่วนที่ยังเหลือขายอีกราว 5,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะขายได้ทั้งหมดในปีนี้ และในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนจากโครงการมหาสมุทรราว 1-2 พันล้านบาท

นายสรพจน์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีรายได้อีกส่วนหนึ่งจากธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร ภายใต้แบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ซึ่งปี 59 มีรายได้ราว 100 ล้านดอลลาร์ คาดว่าปีนี้จะเติบโต 15-20% จากการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และในอีก 2-4 ปีข้างหน้า บริษัทก็มีแผนที่จะนำบริษัทย่อยนี้แยกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"ในอนาคตรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขาย จะค่อนข้างทรงตัวปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ปีละ 2-3 แห่ง ขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้แน่นอน และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างรายได้ค่อนข้างมั่นคง และไม่ผันผวนมากตามภาวะเศรษฐกิจ"นายสรพจน์กล่าว

นายสรพจน์กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปี 60 นี้บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 2 โครงการ คือ คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการสกี รีสอร์ท ที่ประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มในกรุงเทพ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการต่อไป

ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์