เจรจาซีพีรถเชื่อมสามสนามบินไร้ข้อสรุป  รฟท.อ้างโครงการใหญ่เอกสารเยอะต้องรอบคอบ เผยนัดเจรจาอีกรอบ 1 ก.พ.นี้ คาดได้ข้อสรุปกลางเดือน ก.พ. เซ็นสัญญาเดือน มี.ค.62

          นายวรวุฒิ มาลา รักษา การผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ว่า ครั้งนี้เป็นการเจรจารอบแรก ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากการพิจารณา ทางคณะกรรมการคัดเลือกประมูลไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ- อู่ตะเภา  นั้นต้องพิจารณาตาม กรอบการเจรจา 4 หัวข้อ และมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอีก 30-40 หัวข้อหลักๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาพอสมควร

          "ขณะนี้เพิ่งเริ่มต้นไปได้ 200 กว่าหน้า โดยในวันศุกร์ที่ 1 ก.พ. จะเชิญทางกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตรมาเจรจา กันอีกครั้ง เวลา 13.00-16.00 น. ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีการประชุมคณะกรรมการฯ ก่อน คาดว่าจะเจรจาและได้ข้อสรุปเรื่องกลาง ก.พ.62 จากนั้นเสนอสัญญาไปยังอัยการสูงสุดและเสนอต่อเข้าคณะกรรมการอีอีซี และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไปภายใน ก.พ. ส่วนการลงนามสัญญาคาดว่าจะลงนามได้ภายในเดือน มี.ค.62 นี้ ตามระยะเวลาที่คณะกรรมการอีอีซีกำหนดกรอบไว้" นายวรวุฒิกล่าว

          นายวรวุฒิกล่าวว่า การเจรจาที่ล่าช้าเนื่องจากคณะกรรมการฯ จะต้องพิจารณาทุกหัวข้ออย่างถี่ถ้วน และทั้ง 2 ฝ่ายพอใจ และต้องละเอียดรอบคอบเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ส่วนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอจากมิสซิ่งลิงค์-อู่ตะเภานั้น จะเสนอเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (คชก.) ภายใน ก.พ.นี้

          สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟไทย-จีนนั้น ในวันที่ 8 ก.พ.นี้จะมีการเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการ  รฟท. (บอร์ด) ในส่วนตอนช่วงสีคิ้วกุดจิก ระยะทาง 11 กิโลเมตร ที่มีบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง เป็น ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็ก ทรอนิกส์ (E-bidding) และต้องพิจารณาคุณสมบัติและเทคนิค หากผ่านการพิจารณาก็จะเข้าสู่กระบวนลงนามในสัญญา เพื่อเริ่มการก่อสร้างต่อไปในช่วงเดือน มี.ค. รวมถึงตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร คาดว่าช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ จะสามารถเปิดประกวดราคาได้

          นายวรวุฒิกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ที่อยู่ในแผนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ซึ่งขณะนี้ รฟท.อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) ซึ่งในโครงข่ายทางคู่ระยะที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สาย อีสาน) ได้แก่ เส้นทางขอนแก่นหนองคาย ระยะทาง 174 กม. วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท, เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราช ธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 3.75 หมื่นล้านบาท

          อย่างไรก็ตาม ซึ่งก่อนหน้านี้บอร์ด สศช.ได้เห็นชอบเส้นทางใหม่ บ้านไผ่-มุกดาหารนครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 6.79 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากผ่านบอร์ด  สศช.แล้วจะ เสนอ ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนเส้นทางเด่นชัย-เชียงรายเชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินลงทุน 8.5 หมื่นล้านบาท ทั้งสองโครงการนี้ยังมีเรื่องการ เวนคืนพื้นที่ก่อสร้างเพิ่มเติม ส่วนการจัดตั้งบริษัทเดินรถไฟ ชานเมืองสายสีแดงและบริษัทบริหารทรัพย์สินนั้นจะมีการเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโย บายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในช่วงเดือน ก.พ.นี้