ครม.ไฟเขียวธอส.ปรับวงเงิน เพิ่มสัดส่วน"คนรายได้น้อย"

          นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบปรับกรอบวงเงินเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงินกู้ 50,000 ล้านบาท จากเดิมกรณีที่ 1.เพิ่มกรอบวงเงินให้กู้ในส่วนประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน โดยเดิมให้กรอบวงเงินกู้ 20,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท และ 2.ลดวงเงินให้กู้สำหรับประชาชนที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาทต่อเดือน จากเดิมให้กรอบวงเงินกู้ 30,000 ล้านบาท เหลือ 10,000 ล้านบาท

          ทั้งนี้ หลังจาก ธอส.เปิดรับจองสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2561 พบว่าประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน ให้ความสนใจโดยแสดงความจำนงยื่นจองสิทธิ 113,064 ล้านบาท ขณะที่ยอดจองสิทธิของประชาชนที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาทต่อเดือน มีเพียง 14,038 ล้านบาท จึงปรับวงเงินให้สอดคล้องกับความต้องการสินเชื่อของบุคคลที่ยื่นจองสิทธิ โดยโครงการนี้กระทรวงการคลังได้ให้การสนับสนุนด้วยการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธอส. กระทรวงการคลังจึงเสนอให้ ครม.ชดเชยภาวะอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 789.66 ล้านบาท จากเดิม 3,876.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 4,666.31 ล้านบาท

          นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการบ้านล้านหลังถือเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะสามารถช่วยทำให้คนที่มีรายได้น้อยและอยู่ในวัยทำงาน สามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ดังนั้นที่ประชุม ครม.จึงอนุมัติการชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามกรอบวงเงินที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในสัปดาห์หน้าตนจะไปทวงการบ้านกับนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส.หลังจากได้หารือไปว่าให้ ธอส.เพิ่มเติมโครงการอีก โดยเพิ่มบ้านเพื่อคนชรา บ้านของบุตรที่เลี้ยงดูบุพการี และบ้านของกลุ่มคนที่ทำงานแล้ว กรณีมีบุตรซึ่งคนทั้ง 3 กลุ่มนี้ จะรวมอยู่ในโครงการบ้านล้านหลัง โดยดอกเบี้ยและส่วนลดต่างๆเป็นหน้าที่ของ ธอส.ที่จะไปวางแผนเพื่อดำเนินการให้สำเร็จ

          "ส่วนกระแสข่าวโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเงินใกล้หมดแล้วนั้นไม่เป็นความจริง โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินโครงการไปหลายมาตรการแล้ว ทำให้จำนวนเงินลดลง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะที่ผ่านมาได้หารือกับสำนักงบประมาณแล้วว่าจะเติมเงินในกองทุนฯแห่งนี้ให้ครบ 100,000 ล้านบาท"