อสังหาฯเร่งโอนหนีLTVดันรายได้Q1พุ่ง ORI เพิ่มพอร์ตแนวราบ8พันล้านLPNวางเป้ายอดขาย1.65หมื่นล.
Loading

อสังหาฯเร่งโอนหนีLTVดันรายได้Q1พุ่ง ORI เพิ่มพอร์ตแนวราบ8พันล้านLPNวางเป้ายอดขาย1.65หมื่นล.

วันที่ : 14 พฤษภาคม 2562
แรงวิตกเกณฑ์ LTV ส่งผลให้โครงการอสังหาฯ-ลูกค้าเร่ง โอนบ้านและคอนโดฯ หนุนรายได้รวม และกำไรเฉพาะไตรมาสแรก ออกมาดี "ออริจิ้นฯ" กวาดกำไร 721 ล้าน เติบโตทะลุ 47% ปรับเป้าเปิดโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท "LPN" มีรายได้หลักรวม 2,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.63% เผยยังคงเป้ายอดขาย 16,500 ล้านบาท "QH" ได้แรงหนุนรายได้จากคอนโดฯเสริมโครงการแนวราบที่ลดลง ค่าย ไรมอนแลนด์ รับยอดโอน 5 โครงการคอนโดฯ ดันตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168%
          แรงวิตกเกณฑ์ LTV ส่งผลให้โครงการอสังหาฯ-ลูกค้าเร่ง โอนบ้านและคอนโดฯ หนุนรายได้รวม และกำไรเฉพาะไตรมาสแรก ออกมาดี "ออริจิ้นฯ" กวาดกำไร 721 ล้าน เติบโตทะลุ 47% ปรับเป้าเปิดโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท "LPN" มีรายได้หลักรวม 2,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.63% เผยยังคงเป้ายอดขาย 16,500 ล้านบาท "QH" ได้แรงหนุนรายได้จากคอนโดฯเสริมโครงการแนวราบที่ลดลง ค่าย ไรมอนแลนด์ รับยอดโอน 5 โครงการคอนโดฯ ดันตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168%

          เกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำหรับการซื้อบ้านสัญญาที่สองและสามหรือบ้านที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งได้บังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ซึ่งแนวทางของ ธปท.เพื่อป้องกันและบริหารการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการรวมถึงลูกค้า ที่หวังผลประโยชน์จากการขอสินเชื่อที่เกินวงเงินของราคาบ้าน จนนำไปสู่การใช้สินเชื่อที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือที่เรียกว่า "เงินทอน"

          ดังนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง ไตรมาส 4 ของปี 61 และต่อเนื่องถึงไตรมาส แรกของปี 62 จะเป็นจังหวะที่ผู้ประกอบการต่างเร่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจโอนที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่ในช่วงที่ผ่านมา ซัปพลายจากการเปิดโครงการของผู้ประกอบการยังคงเหลือมีสต๊อกคงเหลือในตลาดเป็นจำนวนมาก

          โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เผยผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า เฉพาะในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ของปี 61 ตลาดมี ความคึกคัก โดยตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีจำนวนหน่วยสูงถึง 98,530 หน่วย และมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงถึง 247,119 ล้านบาท เฉพาะเดือน ธ.ค.มีมูลค่าการโอนสูงสุดกว่าทุกๆเดือนมีตัวเลขที่ 99,969 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 2 เดือนแรกของปี 62 (ม.ค.-ก.พ.) มียอดโอนกรรมสิทธิ์ 50,017 หน่วย เพิ่มขึ้น 8.1% และมีมูลค่าการโอน 108,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% (อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทั้งปี 62 ทางศูนย์ข้อมูลฯจะมีการประเมินใหม่อีกครั้ง หลังจากมีปัจจัยในเรื่องที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ หักลดหย่อนซื้อที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 2 แสนบาท และลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และจด จำนองที่อยู่อาศัยหลังแรกเหลือ 0.01% เฉพาะในกลุ่มราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท)

          "ออริจิ้น" เพิ่มพอร์ตแนวราบเป็น 8 พันล.

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า  ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,453.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 (%YoY) สาเหตุหลักมาจากมีโครง การที่ทยอยรับรู้รายได้ได้อย่างต่อเนื่อง จากปี 2561 ประกอบกับการก่อสร้างโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการแนวราบแล้วเสร็จได้ตามเป้าหมาย ทำให้บริษัทมีโครงการใหม่ที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่มเติมถึง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา และโครงการบริทาเนีย บางนา กม. 12 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี และน่าจะส่งผลให้รายได้ทั้งปี เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 19,000 ล้านบาท

          นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถสร้างยอดขาย Presale ไตรมาสแรกได้ประมาณ 5,670.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยในไตรมาสแรกบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ มูลค่า 1,300 ล้านบาท กวาดยอดขายไป 50% ของที่เปิดขาย และ โครงการ บริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท กวาดยอดขายไปกว่า 85% ของที่เปิดขาย และความสำเร็จจากการ จัดแคมเปญ "ลดด่วน ขบวนสุดท้าย" โปรโมชันโครงการพร้อมอยู่ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค

          ขณะที่กำไรสุทธิประจำไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 720.6 ล้านบาท เติบโตขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับร้อยละ 20.9 ซึ่งสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ร้อยละ 19.8 เนื่องจากโครงการใหม่แล้วเสร็จรับรู้รายได้ได้ตามแผน และความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

          " จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างดีในช่วงไตรมาส 1/2562 ประกอบกับกระแสตอบรับแบรนด์บริทาเนีย บริษัทจึงปรับแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มขึ้นเป็น 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท จากเดิม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่ยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันได้ออกแคมเปญใหม่ภายใต้ชื่อ "มาตรการคอนโดหลังแรก" เป็นแคมเปญประจำไตรมาส 2 สอดคล้องกับมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา"

          LPN ยืนเป้าขาย 16,500 ล้านบาท

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตไว้ที่ 10-15% โดยในไตรมาสแรก บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 2,790.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.63% โดยมีรายได้จากการขาย รายได้ค่าเช่า บริการและรายได้ค่าบริหารเพิ่มขึ้น 10.71% , 44.17% และ 16.99% ตามลำดับ และมีค่าใช้จ่ายในการขาย(ไม่รวมค่า ใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์) ที่เพิ่มขึ้น 355.17% จากค่านายหน้าของโครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน ที่มีการรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ โดยรวมมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.32% ซึ่งในไตรมาสแรก มีโครงการที่แล้วเสร็จ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76-แบริ่ง สเตชั่น (2) มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ยอดขายรวมไตรมาส 1 มีจำนวน 1,700 ล้านบาท เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยประมาณ 1,100 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัยประมาณ 600 ล้านบาท

          สำหรับในปี 62 บริษัทกำหนดการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 12,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย มูลค่า 8,000 ล้านบาท กำหนดเป้าหมายยอดขาย 16,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 11,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 5,500 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 12,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดฯ 9,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 3,000 ล้านบาท

          QH คอนโดฯ หนุนโครงการแนวราบ

          นางสาวอภิญญา จารุตระกูลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า ในไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ ขายอสังหาฯและรายได้จากธุรกิจอสังหาฯให้เช่าเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวน 3,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% โดยรายได้จากการขายอสังหาฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 153 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากรายได้จากการขายคอนโดฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 124% ขณะที่รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินลดลงจำนวน 123 ล้านบาท หรือลดลง 5% ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่ และปิดโครงการบ้านที่ขายหมดแล้วจำนวน 1 โครงการ

          ส่วนของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3% ส่วนใหญ่มาจากกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯเพิ่มขึ้นจำนวน 24 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาฯให้เช่าเพิ่มขึ้น 14 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 39 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจำนวน 52 ล้านบาท

          ไรมอนแลนด์ รายได้เติบโต 168%

          นายสถาพร อมรวรพักตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังถูกมองว่ามีความผันผวน โครงการของ บริษัทฯยังคงได้รับการตอบรับที่ดี โดยล่าสุดโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก ได้ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้ว ซึ่งในไตรมาสนี้ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวคิดเป็นมูลค่า 1,238.9 ล้านบาท ส่วนโครงการเดอะ ดิโพลแมท 39 มียอดโอนรวม 271.3 ล้านบาท

          สำหรับโครงการในอนาคตของธุรกิจ อสังหาฯ บริษัทได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ เอเชีย พีทีอี ลิมิเต็ด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ระดับอัลตราลักชัวรีในซอยสุขุมวิท 38 เปิดตัวในไตรมาส 3 ปีนี้ และโครงการคอนโดฯระดับลักชัวรีในย่านราชเทวี ที่จะเปิดภายในปีนี้ รวมถึงโครงการอาคารสำนักงานเกรด เอ บนถนนเพลินจิต หรือ โครงการ ONE CITY CENTER ซึ่งใช้เงินลงทุนรวมมูลค่า 9 พันล้านบาท

          ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสแรก บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,463.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 919.3 ล้านบาท หรือ 168.8 % โดย 1,386.4 ล้านบาท หรือ 94.7% ของรายได้รวม มาจากการรับรู้ รายได้ของโครงการอสังหาฯ 5 โครงการ โดยบริษัทมีแบ็กล็อก (นับรวมยอดขายที่มีสัญญาซื้อขายเท่านั้น) มูลค่ารวม 8,655.8 ล้านบาท ลดลง 2.4% มาจาก การเริ่มต้นโอนและรับรู้รายได้ของโครง การเดอะ ลอฟท์ อโศก ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.ปี 61 ซึ่งในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 96.1 ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 70.1 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน