แบงก์ชาติขอเวลาดูผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือLTVไปอีกระยะหนึ่งก่อน ยอมรับสินเชื่อบ้านฟุบ เดือน เม.ย.และ พ.ค. ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์อยู่ระหว่างหารือกับสมาคมธนาคารไทย ก่อนคลอดเกณฑ์อนุมัติสินเชื่อใหม่

          นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่าแบงก์ชาติขอดูผลจากหลักเกณฑ์มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือLTVไปอีกระยะหนึ่งก่อน ถึงจะมีการพิจารณาทบทวนหรือผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าว แม้ว่าจะกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์บ้าง

          โดยขณะนี้จะยังไม่มีการทบทวนปรับเปลี่ยนตั้งแต่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 1เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนการชะลอตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินนั้น เกิดจากการเร่งตัวของสินเชื่อและการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวนมากไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วต่อเนื่องมายังไตรมาสที่ 1ปีนี้ จึงทำให้ยอดการขอสินเชื่อในเดือน เม.ย.และ พ.ค.2562ชะลอตัวลง

          ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการออกมาตรการ LTVต้องการควบคุมการเก็งกำไรของผู้ที่ทำธุรกรรมบ้านสัญญาหลังที่ 2-3 เพื่อไม่ให้เกิดการเก็งกำไร จนส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยให้ปรับตัวสูงขึ้นเกินไป ซึ่งการออกมาตรการนี้จะไม่ส่งผลต่อผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรก แต่กลับกันจะเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรกที่จะซื้อบ้านในราคาที่ไม่สูงเกินไป ขณะเดียวกันหากธปท.ไม่ดูแลอาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เกิดปัญหาฟองสบู่ และมีปัญหาในวงกว้างตามมาได้

          อย่างไรก็ตามมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธปท. จะไม่ส่งผลต่อผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรก และเป็นการควบคุมไม่ให้สถาบันการเงินแข่งขันปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเก็งกำไร เป็นการสร้างความต้องการเทียม และอาจเกิดปัญหาฟองสบู่ในอนาคต ทั้งนี้ ยืนยันว่าเกณฑ์ของ ธปท. เป็นเกณฑ์เริ่มต้น เมื่อเทียบประเทศอื่น ที่มีการควบคุมดูแลเข้มงวดกว่านี้มาก

          ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์นั้น ธปท.กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งติดตามสถานการณ์อยู่ เพราะธปท.ได้หารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อออกเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วนรายได้ และสัดส่วนหนี้ที่ต้องสมดุลกัน เพราะที่ผ่านมาสถาบันการเงินพิจารณาการปล่อยสินเชื่อเฉพาะผลิตภัณฑ์มากกว่าภาพรวมรายได้ของผู้ขอกู้ และความสามารถชำระหนี้ว่าเพียงพอหรือไม่