ออมสิน-ธอส. เดินหน้า บ้านคนไทยประชารัฐ ปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อยดอกเบี้ย 4 ปีแรก 2.75%
Loading

ออมสิน-ธอส. เดินหน้า บ้านคนไทยประชารัฐ ปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อยดอกเบี้ย 4 ปีแรก 2.75%

วันที่ : 21 มิถุนายน 2562
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองราคาไม่เกินหน่วยละ 700,000 บาท
          ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองราคาไม่เกินหน่วยละ 700,000 บาท ในกรอบวงเงินโครงการรวม 4,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินเป็นแหล่งทุนทั้งให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) และสินเชื่อเพื่อ ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย (Post Finance) โดยมีกลุ่ม เป้าหมายที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการสำหรับผู้ซื้อรายย่อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการ แห่งรัฐ 2. ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อ คนต่อเดือน และ 3. ประชาชนทั่วไป

          สำหรับรูปแบบที่อยู่อาศัยโครงการนั้นแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารชุดพักอาศัย กำหนดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ราคาหน่วยละประมาณ 350,000-700,000 บาท โดยธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาสินเชื่อโครงการฯ ให้ผู้ประกอบการจำนวน 3 ราย ใน 5 พื้นที่ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย และขอนแก่น ซึ่งก่อสร้างในรูปแบบ อาคารพักอาศัย (ห้องชุด) และบ้านแฝดชั้นเดียว รวมมูลค่า โครงการประมาณ 1,564 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างประมาณ 2,302 ยูนิต โดยมีผู้สนใจ 4,953 ราย ได้จองสิทธิกับผู้ประกอบการรวม 2,210 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสวัสดิการ แห่งรัฐจำนวน 512 ราย กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท ต่อคนต่อเดือน จำนวน 1,674 ราย และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 5 ราย

          ขณะที่ สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ ธนาคารออมสินปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 3 ปี ปีที่ 4 เป็นต้นไป เท่ากับ MLR-1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี (ปัจจุบัน MLR ของธนาคารออมสิน=6.50%) ส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย กำหนดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-4 คงที่ 2.75% ต่อปี ปีที่ 5 เป็นต้นไป กรณีรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.75 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารออมสิน ปัจจุบัน=7.00% ต่อปี) ส่วนกรณีสวัสดิการหักเงินเดือนคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี.

          นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งถือเป็นโครงการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคง และยกระดับคุณภาพชีวิต

          โดย ธอส. พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการทั้งในด้านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำร่วมกับธนาคารออมสินด้วยกรอบวงเงินรวม 4,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้เช่าที่ราชพัสดุ แบ่งเป็น 1. สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย(Pre Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1-3 เท่ากับ 3.00% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MLR-ไม่เกิน 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. กับ 6.25% ต่อปี) ระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการ ที่มี วัตถุประสงค์การกู้เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขของโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ และ 2. สินเชื่อเพื่อที่อยู่ อาศัย (Post Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1-4 เท่ากับ 2.75% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้กรณีลูกค้ารายย่อย MRR-0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือน MRR-1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) ให้กู้เพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ ภายใต้โครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" ในระดับราคา 350,000-700,000 บาท/หน่วย ผ่อนชำระได้นาน สูงสุด 30 ปี พร้อมได้รับการผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) ตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้รายได้น้อยมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ในระดับที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติ ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ สามารถมาติดต่อยื่นคำ ขอกู้และทำนิติกรรมกับธนาคารได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2566