NCH เล็งปรับแผนสอดคล้องตลาด ครึ่งปีหลังปี 62 ผุด 4 โครงการใหม่
Loading

NCH เล็งปรับแผนสอดคล้องตลาด ครึ่งปีหลังปี 62 ผุด 4 โครงการใหม่

วันที่ : 22 กรกฎาคม 2562
เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ยอมรับครึ่งปีแรกชะลอแผนเปิดโครงการใหม่ รอดูภาวะตลาด เพราะได้รับผลกระทบ LTV เตรียมปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องต่อภาวะตลาดก่อน เผยครึ่งปีหลังเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เผยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 1,200-1,3000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2,800 ล้านบาท มั่นใจรายได้รับรู้ปีนี้ 1,800 ล้านบาทตามเป้า
          เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ยอมรับครึ่งปีแรกชะลอแผนเปิดโครงการใหม่ รอดูภาวะตลาด เพราะได้รับผลกระทบ LTV เตรียมปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องต่อภาวะตลาดก่อน เผยครึ่งปีหลังเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เผยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 1,200-1,3000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2,800 ล้านบาท มั่นใจรายได้รับรู้ปีนี้ 1,800 ล้านบาทตามเป้า

          นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 1,200-1,300 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2,800 ล้านบาท ซึ่งมาจากการขายโครงการในสต็อกเดิม เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติม เพราะภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อใหม่ LTV ที่เริ่มบังคับใช้ในช่วงต้นเดือน เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการชะลอตัวลง 10% ทำให้ เอ็น.ซี.ฯ ต้องชะลอแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อดูภาวะและทิศทางตลาดก่อนปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องต่อภาวะตลาด

          ทั้งนี้ มาตรการ LTV ที่รัฐบาลประกาศใช้ตั้งแต่เดือน เมษายน 2562 นั้น บริษัทเชื่อว่าจะกดดันตลาดในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ให้ชะลอตัวลง เพื่อปรับสมดุลของซัพพลายและดีมานด์ในตลาด เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบางเซกเมนต์ และบางกลุ่ม เช่น ตลาดคอนโดมิเนียมที่มีความร้อนแรงทำให้มีซัพพลายออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งหลังจากที่บังคับใช้ LTV แล้วจะส่งผลให้ซัพพลายในตลาดค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะส่งผลให้เกิดการผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการออกมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและภาคประชาชน เป็นผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ให้ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้

          นายสมนึก กล่าวต่อไปว่า จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ในครึ่งหลังของปี 2562 บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนงานเดิม โดยในปีนี้ เอ็น.ซี.ฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวทั้งหมดจะเป็นโครงการแนวราบในทำเลชานเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนาในโซนเหนือ โซนตะวันตก และโซนใต้ รองรับอยู่แล้ว โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มที่ซื้อระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือเรียลดีมานด์ และเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมาก หากมีปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมือง หรือความเสี่ยงจากมาตรการภาครัฐ ที่อาจกระทบต่อภาคอสังหาฯ ในอนาคต ปัจจุบันลูกค้าหลักของ เอ็น.ซี.ฯ เป็นกลุ่มลูกค้าแนวราบ เนื่องจากพอร์ตสินค้าของบริษัทกว่า 90% เป็นสินค้าแนวราบ ส่วนที่เหลือ 10% จะเป็นลูกค้าจากโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการในพัทยา และเชียงใหม่ ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา การขายและการโอนที่อยู่อาศัยของบริษัทจึงมาจากโครงการแนวราบกว่า 90% สำหรับกลุ่มสินค้าแนวราบส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นเรียลดีมานด์ และเป็นกลุ่มสินค้าที่มีซัพพลายออกมาไม่เยอะ เมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าประเภทคอนโดมิเนียม

          ในปี 2562 บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 1,800 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะจะมีการทยอยโอนโครงการแนวราบใหม่ที่เตรียมเปิดตัว ประกอบกับมีรายได้จากการขายโครงการที่เป็นสต็อกในมือกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยขายออกในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งในแต่ละช่วงของไตรมาส เอ็น.ซี.ฯ จะมีการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายและเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เช่น การจัดแคมเปญพิเศษในช่วงงานมหกรรมบ้านและคอนโด

          ล่าสุด เอ็น.ซี.ฯ ได้เปิดขายโครงการบ้านฟ้า กรีนเนอรี่ ทิวา ปิ่นเกล้า สาย 5 บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ 25 ไร่ จำนวน 130 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 138-242 ตารางเมตร ขนาด 3-4 ห้องนอน จำนวน 130 ยูนิต ราคาขาย 4.5-13 ล้านบาท มูลค่า 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกของปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง ใกล้โครงการรถไฟฟ้าสายแดงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเปิดขายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และตั้งเป้าว่าจะมียอดขายในไตรมาส 3 ของปีนี้จากโครงการดังกล่าวที่ 200 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ