ลูกค้าปรับตัวรับศก.-เล็งตัด'หนี้เสีย'

                ลุ้นแอลทีเอฟคึกรับหมดเขตภาษี15%

                นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 1.07 แสนล้านบาท คาดทั้งปีจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ 2.03 แสนล้านบาท โดยระยะที่เหลือของปีจะต้องปล่อยสินเชื่อให้ได้เฉลี่ย 1.8 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนเริ่มปรับตัวกับภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันธนาคารเองก็ได้เพิ่มประสิทธิภาพทำให้การอนุมัติสินเชื่อในส่วนที่ค้างท่อรวดเร็วขึ้น ส่วนโครงการบ้านล้านหลัง ขณะนี้ยอดสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านบาท

                นายฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนหนี้เสียของธนาคารนั้นอยู่ที่ 4.86% ขยับขึ้นในอัตราตลาด ลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง บริหารจัดการยาก การคุมให้หนี้เสียอยู่ในอัตราดังกล่าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ อย่างไรก็ดีธนาคารมีแผนที่จะตัดขายหนี้เสียวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท แต่กระบวนการขายอาจใช้เวลานานถึง 8 เดือน ช่วงนี้จึงเปิดให้ลูกหนี้ได้เข้ามาเจรจาปิดบัญชี คาดว่าจะปิดบัญชีได้เป็นเม็ดเงินประมาณ 2.5 พันล้านบาท หนี้เสียลดลงอยู่ที่ 4.4% และเข้าบริหารจัดการหนี้ให้กลับมาปกติ เชื่อว่าภายในสิ้นปีหนี้เสียจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 4.26%

                "หนี้เสียเกิดใหม่ทยอยเข้าธนาคารอยู่ในระดับประมาณ 800-900 ล้านบาทต่อเดือน ถือว่าอยู่ในตัวเลขที่ประมาณการไว้" นายฉัตรชัยกล่าว

                นางสาวดุษณี เกลียวปฎินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารผลิตภัณฑ์การรวม ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการได้รับสิทธิทางภาษีไม่เกิน 15% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้นช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้คาดจะมีนักลงทุนซื้อกองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) มากขึ้น ประเมินเม็ดเงินเข้ามา 3 หมื่นล้านบาท ทำให้เม็ดเงินลงทุนแอลทีเอฟทั้งปีอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีนักลงทุนที่ซื้อแอลทีเอฟมีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย สำหรับกองทุนหุ้นยั่งยืน (เอสอีเอฟ) ที่จะมาทดแทนแอลทีเอฟ คาดจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่ปานกลางรายได้ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือนมากขึ้น เพราะผลตอบแทนดีใกล้เคียงกับกองทุนแอลทีเอฟ