อสังหาฯยังมั่นคง
Loading

อสังหาฯยังมั่นคง

วันที่ : 13 ธันวาคม 2562
โค้งสุดท้ายของปีนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักให้ชะลอการลงทุนในหุ้นเพื่อรอดูทิศทางก่อน แต่หากนักลงทุนยังสนใจและมีความต้องการลงทุนก็แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีการปันผลดี พื้นฐานแข็งแรง และมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต
          โค้งสุดท้ายของปีนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักให้ชะลอการลงทุนในหุ้นเพื่อรอดูทิศทางก่อน แต่หากนักลงทุนยังสนใจและมีความต้องการลงทุนก็แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีการปันผลดี พื้นฐานแข็งแรง และมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต จึงแนะนำเป็น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซี (SC)โดยหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ในไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท โต 21.4% เทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และโต 15.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 441 ล้านบาท โต 55.8% เทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และโต 13.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากยอดโอนโครงการที่เติบโตขึ้นทั้งในแนวสูงและแนวราบ ซึ่งโครงการ แนวสูงเสร็จใหม่ในไตรมาส 3 มี 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.24 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท ทำให้ยอดขายสะสมใน 9 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3 ปรับเพิ่มขึ้น 32.9% และคาดว่าแนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 4 จะเป็นจุดทำสถิติสูงสุดใหม่ของปี อยู่ที่ 620 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 5.5 พันล้านบาท

          ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 นี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4.1 พันล้านบาท โดยจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ซึ่งฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อยอดขายและยอดโอนโครงการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ที่ทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2561 จึงคาดกำไรปี 2563 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ทรงตัวจากปี 2562 ที่ 1.7 พันล้านบาทเช่นเดียวกัน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรอรับรู้ของโครงการแนวสูงที่คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2563 ที่ 4.6 พันล้านบาท ทำให้ในภาพรวมบริษัทจึงจะมีรายได้ประจำจากตึกสำนักงานให้เช่า และการให้บริการ ประมาณ 850-900 ล้านบาทต่อปี จึงแนะนำให้ซื้อในราคา 2.76 บาทต่อหุ้น

          ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด มองว่า ในไตรมาส 3 บริษัทมียอดขายสูงขึ้น และไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ทำให้ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 11,400 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะทำได้ที่ 16,500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนการโอน 2 คอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จใหม่ในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งถือว่าจะทำให้ผลประกอบการที่ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และสะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อในส่วนของผู้บริโภคระดับสูงถึงสูงมาก และคาดว่าไตรมาส 4 นี้จะเป็นไตรมาสที่บริษัทมีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมที่สุดของทั้งปี 2562 จากการโอน 2 คอนโดมิเนียมควบคู่กับการขายโครงการแนวราบ และเป็นบริษัทที่มีอัตราการปันผลสูง

          จึงแนะนำให้ซื้อในราคาเป้าหมายที่ 3.10 บาทต่อหุ้น
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ