เอ็น.ซี.ฯ เบรกผุด5โครงการครึ่งปีแรก
วันที่ : 12 กุมภาพันธ์ 2563
"เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง"พลิกเกม แก้วิกฤติอารมณ์ซื้อหาย เลื่อนเปิด 5 โครงการแนวราบ มูลค่า 3,500 ล้านบาทไปเป็น ครึ่งปีหลัง เร่งอัดอัดโปรโมชั่นระบาย สต็อก 9 โครงการเก่า
"เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง"พลิกเกม แก้วิกฤติอารมณ์ซื้อหาย เลื่อนเปิด 5 โครงการแนวราบ มูลค่า 3,500 ล้านบาทไปเป็น ครึ่งปีหลัง เร่งอัดอัดโปรโมชั่นระบาย สต็อก 9 โครงการเก่า
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้เผชิญปัจจัยลบทั้ง ในประเทศและภายนอกประเทศจากไวรัสโคโรนา ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน และขยายวงกว้างไปอีกหลายประเทศ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกและท่องเที่ยว ส่งผลให้ ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยถึงแม้ว่าจะมีกำลังซื้อ ประเมินจากกำลังซื้อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาอยู่ในภาวะทรงตัว
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจ เลื่อนที่เปิดโครงการแนวราบจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วยทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2-5 ล้านบาท รวมมูลค่า 3,500ล้านบาท ใน 3 ทำเล กรุงเทพฯตอนเหนือ ตะวันตกแถวนครปฐม และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) แถบพัทยา ออกไปในช่วงครึ่งปีหลัง หลังสถานการณ์ ที่เป็นปัจจัยลบคลี่คลายทำให้อารมณ์ซื้อของผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง ซึ่งบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนารองรับอยู่แล้ว
นอกจากนี้ในปีนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับ 3 กลยุทธ์หลัก 1.การพัฒนาบ้าน ที่มีดีไซน์ฟังก์ชั่น ราคาตอบโจทย์เรื่อง ความคุ้มค่า ให้กับทุกวัยในครอบครัว ตั้งแต่เด็กจนผู้สูงวัย 2.แนวคิดที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง(Customer centric) ในการพัฒนาสินค้าและบริการแก่ลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้า 50% ของบริษัทมาจากการบอกต่อปากต่อปาก (Word of Mouth) และ 3.การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าร่วมกับพันธมิตรในทุกมิติ ภายใต้ชื่อ NCXT : NC Cross Innovation&Home Technology เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ภายในบ้าน
นายสมนึก ยังกล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจะเร่งระบายสต็อกมูลค่า 4,000 -5,000 ล้านบาท จาก 9 โครงการเก่าที่มีทั้งโครงการแนวราบ 7 โครงการและคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการในพัทยา และเชียงใหม่ โดยล่าสุด ได้จัดแคมเปญโปรโมชั่นตั้งแต่เดือนก.พ.มี.ค. ภายใต้แคมเปญ "NC5Gแรง " เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขาย คาดว่า ต่อไตรมาสจะสามารถระบายสต็อกได้ 600-700 ล้านบาท และในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย 2,700 ล้านบาทและสร้างรายได้ 1,600 ล้านบาท
"ปีนี้ถือเป็นปีทองของผู้บริโภคในการซื้อ ที่อยู่อาศัย เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเร่งระบายสต็อกที่มีอยู่ออกมาในราคาถูกลงจากปกติเพราะการแข่งขันรุนแรง รวมถึง ตลาดแนวราบที่มีคู่แข่งทั้งรายเก่าใหม่เข้ามา ในตลาดจำนวนมาก เพราะหนีจากตลาดคอนโด ที่ชะลอตัว โดยบ้านระดับราคาตั้งแต่ 2-5 ล้านบาทจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจสูงสุด เพราะเป็นระดับราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้ง่าย" นายสมนึก กล่าว
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้เผชิญปัจจัยลบทั้ง ในประเทศและภายนอกประเทศจากไวรัสโคโรนา ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน และขยายวงกว้างไปอีกหลายประเทศ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกและท่องเที่ยว ส่งผลให้ ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยถึงแม้ว่าจะมีกำลังซื้อ ประเมินจากกำลังซื้อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาอยู่ในภาวะทรงตัว
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจ เลื่อนที่เปิดโครงการแนวราบจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วยทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2-5 ล้านบาท รวมมูลค่า 3,500ล้านบาท ใน 3 ทำเล กรุงเทพฯตอนเหนือ ตะวันตกแถวนครปฐม และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) แถบพัทยา ออกไปในช่วงครึ่งปีหลัง หลังสถานการณ์ ที่เป็นปัจจัยลบคลี่คลายทำให้อารมณ์ซื้อของผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง ซึ่งบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนารองรับอยู่แล้ว
นอกจากนี้ในปีนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับ 3 กลยุทธ์หลัก 1.การพัฒนาบ้าน ที่มีดีไซน์ฟังก์ชั่น ราคาตอบโจทย์เรื่อง ความคุ้มค่า ให้กับทุกวัยในครอบครัว ตั้งแต่เด็กจนผู้สูงวัย 2.แนวคิดที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง(Customer centric) ในการพัฒนาสินค้าและบริการแก่ลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้า 50% ของบริษัทมาจากการบอกต่อปากต่อปาก (Word of Mouth) และ 3.การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าร่วมกับพันธมิตรในทุกมิติ ภายใต้ชื่อ NCXT : NC Cross Innovation&Home Technology เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ภายในบ้าน
นายสมนึก ยังกล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจะเร่งระบายสต็อกมูลค่า 4,000 -5,000 ล้านบาท จาก 9 โครงการเก่าที่มีทั้งโครงการแนวราบ 7 โครงการและคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการในพัทยา และเชียงใหม่ โดยล่าสุด ได้จัดแคมเปญโปรโมชั่นตั้งแต่เดือนก.พ.มี.ค. ภายใต้แคมเปญ "NC5Gแรง " เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขาย คาดว่า ต่อไตรมาสจะสามารถระบายสต็อกได้ 600-700 ล้านบาท และในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขาย 2,700 ล้านบาทและสร้างรายได้ 1,600 ล้านบาท
"ปีนี้ถือเป็นปีทองของผู้บริโภคในการซื้อ ที่อยู่อาศัย เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเร่งระบายสต็อกที่มีอยู่ออกมาในราคาถูกลงจากปกติเพราะการแข่งขันรุนแรง รวมถึง ตลาดแนวราบที่มีคู่แข่งทั้งรายเก่าใหม่เข้ามา ในตลาดจำนวนมาก เพราะหนีจากตลาดคอนโด ที่ชะลอตัว โดยบ้านระดับราคาตั้งแต่ 2-5 ล้านบาทจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจสูงสุด เพราะเป็นระดับราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้ง่าย" นายสมนึก กล่าว
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ