นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 62 โดยประเมินว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภททั่วประเทศจะอยู่ที่ 372,500-400,660 หน่วย หรือขยายตัวระหว่างลบ 0.2% ถึงบวก 7.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าถึง 853,100-917,100 ล้านบาท หรือขยายตัวระหว่างลบ 2.5% ถึงบวก 4.8% โดยเป็นไปตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว รวมถึงปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยต่าและมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาล การผ่อนปรนเกณฑ์ แอลทีวีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

          ส่วนปัจจัยลบ คือ ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัวในหลายกิจกรรมเศรษฐกิจที่สำคัญ การระบาดของโควิด-19 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ส่งผลให้คาดการณ์ว่าจะมีการปรับตัวในภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย

          ทั้งนี้ ภาพการโอนซื้อขายอสังหาฯ ในปี 63 เกินครึ่งจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 197,500-214,300 หน่วย มีสัดส่วน 53% ของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มีมูลค่า 571,200-614,000 ล้านบาท คิดเป็น 67% ทั้งประเทศ และเมื่อแบ่งประเภทการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นห้องชุด 117,400-126,780 หน่วย เป็นมูลค่า 284,360-305,700 ล้านบาท แต่ครึ่งปีแรกของปี 63 คาดว่าคอนโดฯ จะมีการชะลอตัวจากการโอนของคนจีน แต่กระทบไม่มากมีสัดส่วนเพียง 6% ของผู้ซื้อทั้งหมดเท่านั้น

          สำหรับตลาดอสังหาฯ ปี62 มีการโอนกรรมสิทธิ์ถึง 373,365 หน่วย ขยายตัว 2.7% และมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 875,189 ล้านบาท ขยายตัว 4.3% และพบว่าผู้ประกอบการฯ ได้ปรับแนวการผลิตที่อยู่อาศัยมาสู่แนวราบมากยิ่งขึ้น

          นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ให้นโยบายเร่งยกระดับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (ศขอ.) ให้เป็นศูนย์อสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ ในปีนี้จะพัฒนาระบบข้อมูล สร้างความเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็น บิ๊กดาต้า เพื่อใช้วิเคราะห์อุปสงค์อุปทาน และนำไปใชกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ