นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย.นี้ ธอส. จะเสนอคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ บอร์ด ธอส.ในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและมีความตั้งใจที่จะขอประนอมหนี้ เพื่อให้กลับมาเป็นหนี้ปกติ โดยคาดว่าจากหนี้เสียของทั้งหมดของธนาคารซึ่งมีอยู่ราว 50,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะมีลูกหนี้เอ็นพีแอลราว 20,000 ราย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้
        อย่างไรก็ตามแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ที่มีปัญหาในอดีตนั้นธนาคารยังต้องให้ลูกหนี้จ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดจนทำให้ลูกหนี้บางรายกลับมาเป็นหนี้เสียอีกครั้งแต่การปรับโครงสร้างหนี้ใหม่นี้ จะทำให้ธนาคารได้รับเงินต้นคืนมากขึ้น ส่วนดอกเบี้ยค่าปรับที่สะสมมาเนื่องจากลูกหนี้ผิดนัดชำระนั้นธนาคารจะตัดทิ้งทั้งหมดส่วนดอกเบี้ยปกติที่เกิดขึ้นหลังจากปรับโครงสร้างหนี้แล้วธนาคารอาจจะแขวนไว้ชั่วคราวเป็นระยะเวลา 12 เดือน 18 เดือน หรือ 24 เดือน เพื่อให้ลูกค้านำเงินงวดที่ต้องจ่ายไปตัดลดเงินต้นให้น้อยลงได้ ส่วนดอกเบี้ยที่แขวนไว้ชั่วคราวนั้น ธนาคารจะให้ทยอยจ่ายในปีหลังๆของสัญญาเงินกู้
        "ที่ผ่านมาธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยควบคู่กับเบี้ยปรับด้วย ซึ่งเบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้ตามกฎหมายแล้วสูงถึง 13.5% ทำให้เงินต้นไม่ค่อยลดลง ดังนั้น ธอส. จึงมีแผนจะปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้ลูกหนี้มีเงินจ่ายเงินต้นเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาระหนี้ที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวจะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนเสนอบอร์ดธอส."ทั้งนี้ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าลดหนี้เสียให้อยู่ที่ 3.8% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 4.05% โดยมีแผนนำหนี้เสียออกขายอีก 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของหนี้เสียทั้งหมด