LPNจ่อเปิด9โครงการใหม่คาดยอดขายแตะหมื่นล้าน
วันที่ : 25 กุมภาพันธ์ 2563
LPN วางเป้าหมายการเติบโตรายได้รวมปี 2563 แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากยอดโอน 9 พันล้านบาท และรายได้ประจำ 1 พันล้านบาท มองเศรษฐกิจชะลอตัวไม่เอื้อลูกค้าตัดสินใจซื้อที่พักอาศัย-โอเวอร์ซัพพลาย คาดยอดขายชน 1 หมื่นล้านบาท วางแผนเปิด 9 โครงการใหม่ เป็นคอนโด 5 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท
LPN วางเป้าหมายการเติบโตรายได้รวมปี 2563 แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากยอดโอน 9 พันล้านบาท และรายได้ประจำ 1 พันล้านบาท มองเศรษฐกิจชะลอตัวไม่เอื้อลูกค้าตัดสินใจซื้อที่พักอาศัย-โอเวอร์ซัพพลาย คาดยอดขายชน 1 หมื่นล้านบาท วางแผนเปิด 9 โครงการใหม่ เป็นคอนโด 5 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ กรรมการบริหาร และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 9,000 ล้านบาท และรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการให้เช่า รวมถึงรายได้จากการบริการ 1,000 ล้านบาท เป็นต้น
ซึ่งการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563 จะใกล้เคียงกับปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,040.40 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัวทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยยากขึ้น ประกอบกับซัพพลายในตลาดยังมีอยู่อีกจำนวนมาก ทำให้ประเมินว่ากว่าที่ดีมานด์จะตรงกับซัพพลายอาจใช้ระยะเวลาราว 2 ปี (2565) จากนี้ และเชื่อว่าจากนี้ผู้ประกอบการจะเร่งระบายสินค้าพร้อมขายในมือ (Stock) มากกว่าการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากดังเช่นในอดีต
จ่อ 9 โครงการใหม่
สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.63) ที่ผ่านมา มองว่าหดตัวลงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนมีการบังคับใช้มาตรการ LTV (Loan to Value) จากธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนเมษายน 2562 ทำให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยกันในช่วงไตรมาสแรกเป็นจำนวนมาก โดยในปัจจุบันแม้ว่า LTV มีความผ่อนคลายลงมาแล้วแต่กำลังการซื้อก็ยังคงไม่กลับมา
โดยปี 2563 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 9 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ เป็นต้น เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขาย (Presale) ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากว่าสถานการณ์กำลังซื้อไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์บริษัทอาจมีการพิจารณาเลือกกำหนดการเปิดตัวในบางโครงการออกไปในปีถัดไป
สนใจ M&A ต่อยอด
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือแล้วราว 3,613 ล้านบาท ที่จะรับรู้เข้ามาภายในปี 2563 นี้ทั้งหมด และมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขายอยู่ในมืออีกกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตให้กับยอดขายในปีนี้ ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ย่านเตาปูน ขนาด 736 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท, โครงการแนวราบ สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ ขนาด 133 ยูนิต มูลค่า 750 ล้านบาท และโครงการแนวราบพหลโยธินสะพานใหม่ ขนาดกว่า 100 ยูนิต มูลค่า 750 ล้านบาท เป็นต้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจในการซื้อที่ดินสะสม (Landbank) แปลงใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีความสนใจที่จะซื้อโครงการ (M&A) หรือร่วมทุน (JV) ทั้งที่ผู้ประกอบการยังไม่พัฒนาหรืออยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ขาดเงินทุนในการดำเนินกิจการเข้ามาเสริม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีหลายรายเข้ามาคุยแต่ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ โดยในปี 2563 บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนทั้งหมด
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ กรรมการบริหาร และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 9,000 ล้านบาท และรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการให้เช่า รวมถึงรายได้จากการบริการ 1,000 ล้านบาท เป็นต้น
ซึ่งการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563 จะใกล้เคียงกับปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,040.40 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัวทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยยากขึ้น ประกอบกับซัพพลายในตลาดยังมีอยู่อีกจำนวนมาก ทำให้ประเมินว่ากว่าที่ดีมานด์จะตรงกับซัพพลายอาจใช้ระยะเวลาราว 2 ปี (2565) จากนี้ และเชื่อว่าจากนี้ผู้ประกอบการจะเร่งระบายสินค้าพร้อมขายในมือ (Stock) มากกว่าการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากดังเช่นในอดีต
จ่อ 9 โครงการใหม่
สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.63) ที่ผ่านมา มองว่าหดตัวลงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนมีการบังคับใช้มาตรการ LTV (Loan to Value) จากธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนเมษายน 2562 ทำให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยกันในช่วงไตรมาสแรกเป็นจำนวนมาก โดยในปัจจุบันแม้ว่า LTV มีความผ่อนคลายลงมาแล้วแต่กำลังการซื้อก็ยังคงไม่กลับมา
โดยปี 2563 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 9 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ เป็นต้น เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขาย (Presale) ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากว่าสถานการณ์กำลังซื้อไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์บริษัทอาจมีการพิจารณาเลือกกำหนดการเปิดตัวในบางโครงการออกไปในปีถัดไป
สนใจ M&A ต่อยอด
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือแล้วราว 3,613 ล้านบาท ที่จะรับรู้เข้ามาภายในปี 2563 นี้ทั้งหมด และมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขายอยู่ในมืออีกกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตให้กับยอดขายในปีนี้ ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ย่านเตาปูน ขนาด 736 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท, โครงการแนวราบ สุขุมวิท-ศรีนครินทร์ ขนาด 133 ยูนิต มูลค่า 750 ล้านบาท และโครงการแนวราบพหลโยธินสะพานใหม่ ขนาดกว่า 100 ยูนิต มูลค่า 750 ล้านบาท เป็นต้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจในการซื้อที่ดินสะสม (Landbank) แปลงใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีความสนใจที่จะซื้อโครงการ (M&A) หรือร่วมทุน (JV) ทั้งที่ผู้ประกอบการยังไม่พัฒนาหรืออยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ขาดเงินทุนในการดำเนินกิจการเข้ามาเสริม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีหลายรายเข้ามาคุยแต่ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ โดยในปี 2563 บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนทั้งหมด
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ