ถือเงินสดก่อนขายไม่ออก

          นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยในการอภิปรายเรื่องแนวโน้มภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 63 ว่า ในปี 63 นี้ถือเป็นโอกาสทองของผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม หรือกรณีที่ซื้อแล้วเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ เพราะขณะนี้จำนวนคอนโดฯ ในสต๊อกเดิมเหลือค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องเตรียมระบายของออกให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มีเงินสดอยู่ในมือ ทำให้ต้องแข่งขันกันในเรื่องของราคา จึงส่งผลให้ราคาคอนโดฯ ในปีนี้ มีราคา ลดลง ซึ่งจะทำให้คนในระดับกลางถึงระดับล่างเข้าถึงคอนโดฯ ในราคาที่ไม่แพง และคาดการณ์ว่าในภาพรวมแล้วน่าจะทรงตัวในปีนี้ หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัวและจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

          นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 63 อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2020 ว่า ภาคอสังหาฯ พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องยนต์ประคับประคองเศรษฐกิจไทยทดแทนภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะที่ผ่านมาภาคอสังหาฯ ของไทยมีฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง หากมีการกระตุ้นอย่างถูกที่ถูกเวลาด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ก็สามารถดูแลเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติในปีนี้ไปได้สำหรับทิศทางของอสังหาฯ แม้ว่าในปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจมีการชะลอตัวลงบ้างในปี 62 แต่ไม่ได้ถึงขั้นต้องน่ากังวลโดยยังมีปัจจัยทางตรงและปัจจัยทางอ้อมจะช่วยกระตุ้นให้ภาคอสังหาฯ ในการขยายตัวมากขึ้น ทั้งมาตรการของรัฐ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสำคัญต่าง ๆ จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และความต้องการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดตามแนวโครงข่ายรถไฟฟ้า

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมของอสังหาฯ ในปีนี้ น่าจะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกและคงต้องดูในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเริ่ม กลับมา โดยต้องดูมาตรการรัฐก่อนว่าจะมีออกมาอย่างไรบ้าง ประกอบกับในปีนี้มีมาตรการหลายอย่างจะสิ้นสุดลง ก็เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ซื้อผู้ขายเร่งซื้อขายเพื่อให้ทันกับมาตรการด้วย ส่วนแนวโน้มที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในปี 63 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 111,471 หน่วย คาดว่าจะเป็นประเภทบ้านจัดสรรประมาณ  45% และเป็นอาคารชุด 55% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 94,750 ถึง 122,617 หน่วย โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างลบ 4.4% ถึง  23.7% ขณะที่แนวโน้มที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในปี 63 คาดว่า จะมี 111,289 หน่วย โดยจะมีการเปลี่ยน แปลงระหว่างลบ 10.3% ถึง 2.7%

          นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหา วิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปริมาณที่อยู่อาศัยเดิมในสต๊อกในปี 63 จะยังไม่ลดลงมาก เพราะขณะนี้คนยังไม่มีความเชื่อมั่น ส่วนใหญ่ยังลังเลและกำลังตัดสินใจ แม้ว่าปัจจุบันนี้คนจะมีเงินอยู่แต่ไม่กล้าใช้จ่าย ดังนั้นหากไม่มีมาตรการที่ออกมากระตุ้นแรงจูงใจมากพอก็คงไม่มีผล อีกอย่างในช่วงที่อยู่อาศัยฯ ยังขายไม่ออก ผู้ประกอบธุรกิจก็ไม่ได้มีแรงจูงใจด้านราคา จึงทำให้ในปีนี้ภาพรวมอสังหาฯ จึงขยายตัวได้ช้า