โคโรนา ทุบตลาดบิ๊กเนม บุกแนวราบลด เสี่ยง
วันที่ : 1 มีนาคม 2563
บิ๊กเนมชะลอคอนโดฯ หันบุกแนวราบบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์
บิ๊กเนมชะลอคอนโดฯ หันบุกแนวราบบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์ ลดเสี่ยง หลังโควิด-19 ระบาดหนัก ฉุดกำลังซื้อในประเทศ-ทั่วโลกดิ่งเหว หลายธุรกิจปิดกิจการ-เลิกจ้าง
แนวโน้มการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ที่คาดจะลดลงมากกว่า 20% ในปี 2563 ขณะที่กลุ่มโครงการแนวราบ ที่ยังมีเรียลดีมานด์จากกลุ่มคนมีเงิน ซื้อสด จ่ายเร็ว รองรับ และที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ น้อยกว่า กลายเป็นตลาดที่ขณะนี้มีผู้พัฒนาเกือบทุกราย โดยเฉพาะรายใหญ่ กลับมาให้ความสำคัญอีกครั้ง โดยบางรายยอมรับทิ้งการพัฒนาอย่างจริงจังในกลุ่มดังกล่าวมานานหลายปี ก็หวนกลับมาเดินหมาก วางกลยุทธ์ บุกทั้งทำเลใหม่ และทำเลเก่าที่มีศักยภาพ ตามรอยต่อของพื้นที่การพัฒนาเมืองใหม่อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด เพราะนอกจากจะเป็นที่ตอบรับความต้องการซื้อในตลาดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังดีในแง่การบริหารจัดการต้นทุน ตามดีมานด์ (ยอดขาย) ได้ดีกว่าโครงการแนวสูงอีกด้วยเริ่มจากพี่ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยแผนดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2563 ว่าหลังจากช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงสุดในรอบ 16 ปี ปีนี้จึงตั้งเป้าการเติบโตในแง่ยอดขายที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ผ่านการเดินหน้าเปิดโครงการร่วมทุนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.86 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายที่จะมาจากโครงการแนวราบถึง 1 หมื่นล้านบาท จากโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ ซึ่งนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า เนื่องจากตลาดแนวราบยังเป็นตลาดที่เติบโตดี และจะใช้จุดแข็งการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติรายใหญ่ 3 ราย ทั้ง ฮ่องกงแลนด์ , เซกิซุย เคมิคอล และ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี บุกตลาดในกลุ่มบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาบนทำเลที่คุ้นเคย และเป็นฮับใหญ่ของตนเอง เช่น กรุงเทพกรีฑา รัตนาธิเบศร์ สุขุมวิท 77 เป็นต้น
อีกค่ายใหญ่ในกลุ่มบ้านหรู นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ประกาศชัด ปีนี้ในแง่รายได้เพื่อขาย จะเน้นในกลุ่มแนวราบเป็นหลัก หลังจากเผยว่า ช่วงปีที่ผ่านมา มีการเติบโตในเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวทุกระดับราคา และยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในกลุ่ม 20-50 ล้านบาท และรั้ง Top 3 ในทุกระดับราคา จึงมีแผนเพิ่มการเติบโตในกลุ่มแนวราบต่อเนื่อง ผ่านการเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาท เน้นการเพิ่มปริมาณมากขึ้น กระจายทุกระดับราคา และทำเลครอบคลุมจาก 12 แบรนด์ ทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม
"สัดส่วนแนวราบจะกลับมาอยู่ในระดับ 70-75% ของพอร์ตรายได้และกำไร หลังจากหล่นต่ำกว่า 70% ในช่วงที่ไปเน้นโครงการคอนโดฯ ก่อนหน้า ปีนี้เองเตรียมงบซื้อที่ดิน 4 พันล้านบาท ซึ่งจะถูกแบ่งเพื่อรองรับเฉพาะในกลุ่มแนวราบ 2-3 พันล้านบาท ภายใต้เป้าหมายผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวของไทย"
ไม่ต่างจากค่ายแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ หรือ โกลเด้นแลนด์ ยังคงเป้าหมายเติบโตในกลุ่มแนวราบต่อเนื่อง อาศัยจังหวะอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ราคาวัสดุก่อสร้างที่คงตัว และแรงงานทางธุรกิจมีมากขึ้น จึงเตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการแนวราบ โดยนายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของคนซื้อบ้านหลังแรก และแม้สถาน การณ์ตลาดจะกังวลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ตลาดแนวราบยังมีโอกาสเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ บริษัทจะใช้กลยุทธ์การกระจายสินค้าไปในทุกทำเล ส่งแบบบ้านสไตล์ต่างๆ เจาะกลุ่มเป้าหมาย รวม 10 โครงการ พร้อมผลักดันกลุ่มนีโอโฮม (บ้านแฝด 5-10 ล้านบาท) สินค้าทดแทนบ้านเดี่ยวราคาแพง ที่ปีก่อนหน้าสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทถึง 92% ส่วนบ้านเดี่ยวจะเน้นในกลุ่ม 8-15 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะบุกทำเลภูมิภาคมากขึ้นเช่นกัน ปีนี้เตรียมเปิด 2 โครงการใหม่ ในจังหวัดเชียงใหม่ และอ่างศิลา ของชลบุรี และอนาคตยังมีเป้าหมายไปอีกหลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น อุดรฯ ภูเก็ต เป็นต้น ผ่านโมเดล ทำเลติดห้าง อยู่ในเมือง
"ปีนี้ จับเรียลดีมานด์ เพราะมีความต้องการซื้ออยู่จริง แนวราบตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งกลยุทธ์จะวางระดับสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะกับกำลังซื้อ เน้นแบบบ้านสวย นวัตกรรมและฟังก์ชัน ความคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนซื้อบ้านหลังแรก อาศัยโอกาสที่ต้นทุนต่ำ ทำบ้านราคาดี"
ส่วนเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นการพลิกกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ที่นอกจากจะประกาศเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดมากกว่า 37 โครงการ มูลค่ามากกว่า 4.7 หมื่นล้านบาทแล้ว นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท ยังระบุว่า ปีนี้จะเปิดโครงการแนวราบรวมทั้งสิ้น 33 โครงการ และจะเป็นปีแรกที่จะเริ่มต้นโครงการในต่างจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโครงการแรก เพื่อต้องการเปิดตลาดสินค้าแนวราบให้กว้างขึ้น รับกับโอกาสของตลาด และจะเป็นแนวพัฒนาต่อยอดในอนาคต ทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และบ้านแฝด "เราตั้งรับว่าสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดคอนโดฯ ตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนหน้า ด้วยการไปจับแนวราบ"
ขณะที่ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ โดยนางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ระบุตลาดปีนี้บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 10 โครง การ มูลค่า 7.5 พันล้านบาท แม้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคอนโดมิเนียมที่จะเน้นเจาะคนซื้ออยู่จริง แต่จะจับมือกับพันธมิตรใหญ่เหนียวแน่นจากประเทศญี่ปุ่น "ฮันคิว ฮันชิน" ในการรุกตลาดทาวน์เฮาส์ร่วมกันครั้งแรก แข่งขันด้วยความแตกต่างและนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบคนญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเช่นกัน
"แม้จะกังวล'โคโรนา' แต่ตลาดแนวราบยังมีโอกาสเติบโตในทุกเซ็กเมนต์"
แนวโน้มการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ที่คาดจะลดลงมากกว่า 20% ในปี 2563 ขณะที่กลุ่มโครงการแนวราบ ที่ยังมีเรียลดีมานด์จากกลุ่มคนมีเงิน ซื้อสด จ่ายเร็ว รองรับ และที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ น้อยกว่า กลายเป็นตลาดที่ขณะนี้มีผู้พัฒนาเกือบทุกราย โดยเฉพาะรายใหญ่ กลับมาให้ความสำคัญอีกครั้ง โดยบางรายยอมรับทิ้งการพัฒนาอย่างจริงจังในกลุ่มดังกล่าวมานานหลายปี ก็หวนกลับมาเดินหมาก วางกลยุทธ์ บุกทั้งทำเลใหม่ และทำเลเก่าที่มีศักยภาพ ตามรอยต่อของพื้นที่การพัฒนาเมืองใหม่อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด เพราะนอกจากจะเป็นที่ตอบรับความต้องการซื้อในตลาดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังดีในแง่การบริหารจัดการต้นทุน ตามดีมานด์ (ยอดขาย) ได้ดีกว่าโครงการแนวสูงอีกด้วยเริ่มจากพี่ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยแผนดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2563 ว่าหลังจากช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงสุดในรอบ 16 ปี ปีนี้จึงตั้งเป้าการเติบโตในแง่ยอดขายที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ผ่านการเดินหน้าเปิดโครงการร่วมทุนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.86 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายที่จะมาจากโครงการแนวราบถึง 1 หมื่นล้านบาท จากโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ ซึ่งนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า เนื่องจากตลาดแนวราบยังเป็นตลาดที่เติบโตดี และจะใช้จุดแข็งการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติรายใหญ่ 3 ราย ทั้ง ฮ่องกงแลนด์ , เซกิซุย เคมิคอล และ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี บุกตลาดในกลุ่มบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาบนทำเลที่คุ้นเคย และเป็นฮับใหญ่ของตนเอง เช่น กรุงเทพกรีฑา รัตนาธิเบศร์ สุขุมวิท 77 เป็นต้น
อีกค่ายใหญ่ในกลุ่มบ้านหรู นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ประกาศชัด ปีนี้ในแง่รายได้เพื่อขาย จะเน้นในกลุ่มแนวราบเป็นหลัก หลังจากเผยว่า ช่วงปีที่ผ่านมา มีการเติบโตในเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวทุกระดับราคา และยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในกลุ่ม 20-50 ล้านบาท และรั้ง Top 3 ในทุกระดับราคา จึงมีแผนเพิ่มการเติบโตในกลุ่มแนวราบต่อเนื่อง ผ่านการเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาท เน้นการเพิ่มปริมาณมากขึ้น กระจายทุกระดับราคา และทำเลครอบคลุมจาก 12 แบรนด์ ทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม
"สัดส่วนแนวราบจะกลับมาอยู่ในระดับ 70-75% ของพอร์ตรายได้และกำไร หลังจากหล่นต่ำกว่า 70% ในช่วงที่ไปเน้นโครงการคอนโดฯ ก่อนหน้า ปีนี้เองเตรียมงบซื้อที่ดิน 4 พันล้านบาท ซึ่งจะถูกแบ่งเพื่อรองรับเฉพาะในกลุ่มแนวราบ 2-3 พันล้านบาท ภายใต้เป้าหมายผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวของไทย"
ไม่ต่างจากค่ายแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ หรือ โกลเด้นแลนด์ ยังคงเป้าหมายเติบโตในกลุ่มแนวราบต่อเนื่อง อาศัยจังหวะอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ราคาวัสดุก่อสร้างที่คงตัว และแรงงานทางธุรกิจมีมากขึ้น จึงเตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการแนวราบ โดยนายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของคนซื้อบ้านหลังแรก และแม้สถาน การณ์ตลาดจะกังวลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ตลาดแนวราบยังมีโอกาสเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ บริษัทจะใช้กลยุทธ์การกระจายสินค้าไปในทุกทำเล ส่งแบบบ้านสไตล์ต่างๆ เจาะกลุ่มเป้าหมาย รวม 10 โครงการ พร้อมผลักดันกลุ่มนีโอโฮม (บ้านแฝด 5-10 ล้านบาท) สินค้าทดแทนบ้านเดี่ยวราคาแพง ที่ปีก่อนหน้าสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทถึง 92% ส่วนบ้านเดี่ยวจะเน้นในกลุ่ม 8-15 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะบุกทำเลภูมิภาคมากขึ้นเช่นกัน ปีนี้เตรียมเปิด 2 โครงการใหม่ ในจังหวัดเชียงใหม่ และอ่างศิลา ของชลบุรี และอนาคตยังมีเป้าหมายไปอีกหลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น อุดรฯ ภูเก็ต เป็นต้น ผ่านโมเดล ทำเลติดห้าง อยู่ในเมือง
"ปีนี้ จับเรียลดีมานด์ เพราะมีความต้องการซื้ออยู่จริง แนวราบตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งกลยุทธ์จะวางระดับสินค้าแต่ละประเภทให้เหมาะกับกำลังซื้อ เน้นแบบบ้านสวย นวัตกรรมและฟังก์ชัน ความคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนซื้อบ้านหลังแรก อาศัยโอกาสที่ต้นทุนต่ำ ทำบ้านราคาดี"
ส่วนเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นการพลิกกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ที่นอกจากจะประกาศเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดมากกว่า 37 โครงการ มูลค่ามากกว่า 4.7 หมื่นล้านบาทแล้ว นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท ยังระบุว่า ปีนี้จะเปิดโครงการแนวราบรวมทั้งสิ้น 33 โครงการ และจะเป็นปีแรกที่จะเริ่มต้นโครงการในต่างจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโครงการแรก เพื่อต้องการเปิดตลาดสินค้าแนวราบให้กว้างขึ้น รับกับโอกาสของตลาด และจะเป็นแนวพัฒนาต่อยอดในอนาคต ทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และบ้านแฝด "เราตั้งรับว่าสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดคอนโดฯ ตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนหน้า ด้วยการไปจับแนวราบ"
ขณะที่ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ โดยนางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ระบุตลาดปีนี้บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 10 โครง การ มูลค่า 7.5 พันล้านบาท แม้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคอนโดมิเนียมที่จะเน้นเจาะคนซื้ออยู่จริง แต่จะจับมือกับพันธมิตรใหญ่เหนียวแน่นจากประเทศญี่ปุ่น "ฮันคิว ฮันชิน" ในการรุกตลาดทาวน์เฮาส์ร่วมกันครั้งแรก แข่งขันด้วยความแตกต่างและนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบคนญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเช่นกัน
"แม้จะกังวล'โคโรนา' แต่ตลาดแนวราบยังมีโอกาสเติบโตในทุกเซ็กเมนต์"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ