SENA รีเซตธุรกิจใหม่รับอสังหาฯ NEXT NORMAL
วันที่ : 28 พฤษภาคม 2563
เสนา ลุย ทาวน์โฮมติดโซลาร์
"SENA" ฝ่าวิกฤต โควิด-19 ปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุน หนุนผลกำไรสุทธิ Q1/63 แตะ 230 ล้านบาท โต 44% เผยยอด Backlog รอรับรู้กว่า 11,809 ลบ. พร้อมเดินหน้าเปิด 7 โครงการ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแหล่งที่มาของรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 มาจากโครงการเสนา 565 ล้านบาท และจากโครงการของบริษัทร่วมทุนอีก 676 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาฯทั้งสิ้น 1,289 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 29% และยังมีรายได้จากธุรกิจเช่า บริการ เท่ากับ 356.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากธุรกิจ โซลาร์ (EPC) เท่ากับ 6.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52%
ทั้งนี้ หากมองในภาพรวมความสามารถการทำรายได้ของกลุ่มบริษัท จะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,652 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 542 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 49% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,110 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 230 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นเท่ากับ 70 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% (รายได้จากโครงการร่วมทุน 676 ล้านบาท) จะเป็นส่วนหนึ่งของรายการส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน) ในไตรมาสนี้เป็นผลกำไรรวม 34 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการโอนโครงการ Niche Mono สุขุมวิท-แบริ่ง และรายได้จากโซลาร์ฟาร์ม
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าขายแล้วรอโอน (Backlog) จำนวน 11,809 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 6,443 ล้านบาท โดยมียอดรอโอนจากโครงการร่วมทุน 3 โครงการเป็นหลัก มูลค่าประมาณ 5,325 ล้านบาท และยอดรอโอนจากโครงการ บมจ.เสนา อีกมูลค่าประมาณ 1,118 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีสินค้าคงเหลือขาย 25,351 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มี.ค. 63) ซึ่งจำนวนดังกล่าวมีสินค้าคงเหลือขายที่สามารถขายแล้วโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในปีนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมราว 5,900 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,515 ล้านบาท โดยโครงการร่วมทุน Niche Mono อิสรภาพ มูลค่าโครงการ 833 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 45%
ทั้งนี้ ทางบริษัทปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ ปี 2563 เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ภายใต้มาตรการ "SENA ZERO COVID" จากเดิมจะเปิด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท เป็นเปิด 7 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท โดยปี 63 บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 11,500 ล้านบาท และเป้าโอน 10,600 ล้านบาท ล่าสุด เตรียมเปิด โปรดักต์ใหม่ "ทาวน์โฮมติดโซลาร์" เจาะ คอนซูเมอร์ระดับกลาง-ล่าง พร้อมติดตั้งโซลาร์ขนาด 1.28 กิโลวัตต์ ประเดิมทาวน์โฮม 2 ชั้นย่านลำลูกกา คลอง 6 ระดับราคา 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป กำหนดเปิดขายช่วงเดือนมิถุนายน 2563 นี้ ซึ่งจะตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป Next Normal หลังโควิดผ่านพ้นไปได้ เพราะการติดโซลาร์ช่วยประหยัด และ "ลดค่าใช้จ่าย" ระยะยาวนาน 25 ปี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำงานที่บ้าน หรือคนมีรายได้จำกัด และกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านตลอดเวลา
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแหล่งที่มาของรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 มาจากโครงการเสนา 565 ล้านบาท และจากโครงการของบริษัทร่วมทุนอีก 676 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาฯทั้งสิ้น 1,289 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 29% และยังมีรายได้จากธุรกิจเช่า บริการ เท่ากับ 356.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากธุรกิจ โซลาร์ (EPC) เท่ากับ 6.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52%
ทั้งนี้ หากมองในภาพรวมความสามารถการทำรายได้ของกลุ่มบริษัท จะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,652 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 542 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 49% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,110 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 230 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นเท่ากับ 70 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% (รายได้จากโครงการร่วมทุน 676 ล้านบาท) จะเป็นส่วนหนึ่งของรายการส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน) ในไตรมาสนี้เป็นผลกำไรรวม 34 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการโอนโครงการ Niche Mono สุขุมวิท-แบริ่ง และรายได้จากโซลาร์ฟาร์ม
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าขายแล้วรอโอน (Backlog) จำนวน 11,809 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 6,443 ล้านบาท โดยมียอดรอโอนจากโครงการร่วมทุน 3 โครงการเป็นหลัก มูลค่าประมาณ 5,325 ล้านบาท และยอดรอโอนจากโครงการ บมจ.เสนา อีกมูลค่าประมาณ 1,118 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีสินค้าคงเหลือขาย 25,351 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มี.ค. 63) ซึ่งจำนวนดังกล่าวมีสินค้าคงเหลือขายที่สามารถขายแล้วโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในปีนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมราว 5,900 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,515 ล้านบาท โดยโครงการร่วมทุน Niche Mono อิสรภาพ มูลค่าโครงการ 833 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 45%
ทั้งนี้ ทางบริษัทปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ ปี 2563 เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ภายใต้มาตรการ "SENA ZERO COVID" จากเดิมจะเปิด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท เป็นเปิด 7 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท โดยปี 63 บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 11,500 ล้านบาท และเป้าโอน 10,600 ล้านบาท ล่าสุด เตรียมเปิด โปรดักต์ใหม่ "ทาวน์โฮมติดโซลาร์" เจาะ คอนซูเมอร์ระดับกลาง-ล่าง พร้อมติดตั้งโซลาร์ขนาด 1.28 กิโลวัตต์ ประเดิมทาวน์โฮม 2 ชั้นย่านลำลูกกา คลอง 6 ระดับราคา 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป กำหนดเปิดขายช่วงเดือนมิถุนายน 2563 นี้ ซึ่งจะตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป Next Normal หลังโควิดผ่านพ้นไปได้ เพราะการติดโซลาร์ช่วยประหยัด และ "ลดค่าใช้จ่าย" ระยะยาวนาน 25 ปี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำงานที่บ้าน หรือคนมีรายได้จำกัด และกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านตลอดเวลา
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ