นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ สิ้นปี 2562 พบว่ามีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 133 โครงการ จำนวน 9,291 ยูนิต ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก 13.5% แบ่งเป็นอาคารชุด จำนวน 5,978 ยูนิต บ้านจัดสรร จำนวน 3,313 ยูนิต เนื่องจากที่ดินมีต้นทุนราคาที่สูงมากส่วนใหญ่จึงพัฒนาเป็นอาคารชุด โดยโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังคงมีสัดส่วนอาคารชุดเปิดขายใหม่สูงกว่าเช่นกัน ซึ่งจากจำนวนยูนิตเปิดขายใหม่ 1,207 ยูนิต ประกอบด้วยอาคารชุด 868 ยูนิต และบ้านจัดสรร 339 ยูนิต เมื่อพิจารณาจำนวนยูนิตที่ขายได้พบว่าอยู่ที่ 1,550 ยูนิต ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก 31.8% ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขายห้องชุด 1,060 ยูนิต และเป็นบ้านจัดสรร 490 ยูนิต ส่งผลให้จำนวนยูนิตเหลือขายลดลงด้วย โดยอยู่ที่ 7,741 ยูนิต มูลค่ารวม 37,409 ล้านบาท ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก 8.6% โดยเป็นอาคารชุดมากสุด ทั้งนี้ในจำนวนดังกล่าวเป็นยูนิตที่สร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) 1,037 ยูนิต มูลค่า 4,645 ล้านบาท

          "อัตราการดูดซับในภูเก็ตสะท้อนภาวะความสมดุลระหว่างตัวอุปทานภาพรวมของอัตราการดูดซับในครึ่งหลังของปี 2562 ลดต่ำลงมาค่อนข้างมากซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวการณ์ขายไม่ดีโดยอยู่ที่ 2.8% ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งมีอัตราดูดซับเฉลี่ย 4.4% และต่ำกว่าอัตราดูดซับในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งอยู่ในระดับ 3.5%" นายวิชัยกล่าว และว่า ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวน 8,966 ยูนิต คาดว่าในปี 2563 อัตราดูดซับจะลดทุกกลุ่มประเภทที่อยู่อาศัยโดยลดเหลือประมาณ 1.1-1.8% และที่อยู่อาศัยเหลือขายจะยังคงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2563 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 6,553ยูนิต ลดลง-18.1% มีมูลค่าประมาณ 14,401 ล้านบาท ลดลง -40.2% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่มีมูลค่า 19,157 ล้านบาท ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การเสนอขาย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ส่วนภาพรวมในจังหวัดสงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้นพบว่าลูกค้าต้องการทาวน์เฮาส์เป็นหลัก ส่วนอาคารชุดน่าเป็นห่วง