ศุภาลัย เดินหน้าลุยอสังหาฯออสเตรเลียผุดเฟส 5 คอนโดฯโลว์ไรซ์ Balmoral Quay
วันที่ : 27 มิถุนายน 2563
ศุภาลัย ลงทุนโครงการ Balmoral Quay ในประเทศออสเตรเลีย
ศุภาลัย ขยายการลงทุนโครงการ Balmoral Quay เป็นเฟสที่ 5 ในประเทศออสเตรเลียมูลค่าโครงการกว่า 1,248.41 ล้านบาท หลังจากบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมทั้ง 4 เฟส ผลตอบรับจากลูกค้าดี สร้างยอดขายแล้ว 1,088 ล้านบาท
ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียแล้ว จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 63,000 ล้านบาท หลังจากเปิดขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีและมียอดขายกว่า 1,088 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) นั้น เป็นโครงการที่บริษัทขยายการลงทุนมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 4 เฟส มีทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม รวม 105 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 2,917.35 ล้านบาท ท่าจอดเรือ 30 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 95 ล้านบาท
โดยโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เป็นโครงการที่บริษัทสร้างสรรค์ให้เป็นสถานที่ของชุมชน เมือง Geelong ติดริมน้ำ North Geelong พื้นที่โครงการสามารถเชื่อมโยงเขตชายฝั่ง Geelong ตั้งแต่ Lime burner 's Point ไปจนถึง Rippleside Workshops เป็นทำเลที่เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่อาศัยในเมืองหรือการอยู่อาศัยติดริมน้ำ รวมทั้งการวางผังโครงการและอาคารที่คำนึงถึงการใช้งานอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบภายใต้แนวคิด "Life at the water 's edge" มาจากเรื่องราวของทำเลในอดีต Geelong ที่เป็นท่าเทียบเรือที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับสองของรัฐ Victoria ทำเลนี้เคยเป็นท่าเทียบเรือและลานชักลากเรือเก่า ซึ่งมีความสำคัญทางการค้าและการสัญจรไปมาของผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าเรือแห่งนี้เป็นประตูสู่ประวัติศาสตร์ยุโรปของประเทศออสเตรเลีย จวบจนกระทั่งปี พ.ศ.2513 โครงการได้รับการออกแบบโดย SJB บริษัทสถาปนิกระดับนานาชาติ ที่ได้มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ มาเป็นพื้นฐานใน การพัฒนาที่อยู่อาศัย พื้นที่สาธารณะและท่าเทียบเรือ โดยปัจจุบันสำหรับ เฟสที่ 1 ได้ส่งมอบให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เฟสที่ 2 ขายหมดเรียบร้อยแล้วและดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70% และเฟสที่ 3-4 จำนวน 62 ยูนิต จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2563 นี้
สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เฟสที่ 3-4 มูลค่ารวมประมาณ 1,828 ล้านบาท เป็นเฟสที่ ผู้พักอาศัยจะได้สัมผัสบรรยากาศและร่วมทำกิจกรรมภายในครอบครัว ท่าม กลางสวนกลางเมืองและริมน้ำสุด คลาสสิก สร้างสรรค์เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 44 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จำนวน 18 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน 68-317 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.5 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงเปิดโครงการเฟสที่ 3-4 สำหรับทาวน์โฮม ประมาณ 80-90% และคอนโดมิเนียม ประมาณ 50%
ทั้งนี้ ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มากในเมือง Geelong บริษัท จึงได้ลงทุนพัฒนาโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) ต่อเนื่องในเฟส ที่ 5 โดยมีจุดเด่นทั้งทำเลและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจาก เฟสอื่นๆ ในโครงการ สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เฟสที่ 5 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 7 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน 55-112 ตร.ม. มูลค่ารวมประมาณ 1,248 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดพื้นที่ชุมชนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย ด้วยทำเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ มีทางเข้าออกทั้งจากระดับชั้นล่าง และชั้น 3 ของอาคาร รูปแบบอาคารออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิประเทศและสวนสาธารณะที่อยู่ข้างเคียง เพื่อไม่ให้ทัศนียภาพของบริเวณโดยรอบเสียไป เนื่องจากตัวอาคารตั้งอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดของแปลงที่ดิน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถสัมผัสทัศนียภาพของทั้ง Rippleside Beach และ Rippleside Park อย่างชัดเจน ใกล้กับแหล่งงาน และเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟและรถโดยสาร โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2565
ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียแล้ว จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 63,000 ล้านบาท หลังจากเปิดขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีและมียอดขายกว่า 1,088 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) นั้น เป็นโครงการที่บริษัทขยายการลงทุนมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 4 เฟส มีทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม รวม 105 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 2,917.35 ล้านบาท ท่าจอดเรือ 30 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 95 ล้านบาท
โดยโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เป็นโครงการที่บริษัทสร้างสรรค์ให้เป็นสถานที่ของชุมชน เมือง Geelong ติดริมน้ำ North Geelong พื้นที่โครงการสามารถเชื่อมโยงเขตชายฝั่ง Geelong ตั้งแต่ Lime burner 's Point ไปจนถึง Rippleside Workshops เป็นทำเลที่เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่อาศัยในเมืองหรือการอยู่อาศัยติดริมน้ำ รวมทั้งการวางผังโครงการและอาคารที่คำนึงถึงการใช้งานอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบภายใต้แนวคิด "Life at the water 's edge" มาจากเรื่องราวของทำเลในอดีต Geelong ที่เป็นท่าเทียบเรือที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับสองของรัฐ Victoria ทำเลนี้เคยเป็นท่าเทียบเรือและลานชักลากเรือเก่า ซึ่งมีความสำคัญทางการค้าและการสัญจรไปมาของผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าเรือแห่งนี้เป็นประตูสู่ประวัติศาสตร์ยุโรปของประเทศออสเตรเลีย จวบจนกระทั่งปี พ.ศ.2513 โครงการได้รับการออกแบบโดย SJB บริษัทสถาปนิกระดับนานาชาติ ที่ได้มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ มาเป็นพื้นฐานใน การพัฒนาที่อยู่อาศัย พื้นที่สาธารณะและท่าเทียบเรือ โดยปัจจุบันสำหรับ เฟสที่ 1 ได้ส่งมอบให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เฟสที่ 2 ขายหมดเรียบร้อยแล้วและดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70% และเฟสที่ 3-4 จำนวน 62 ยูนิต จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2563 นี้
สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เฟสที่ 3-4 มูลค่ารวมประมาณ 1,828 ล้านบาท เป็นเฟสที่ ผู้พักอาศัยจะได้สัมผัสบรรยากาศและร่วมทำกิจกรรมภายในครอบครัว ท่าม กลางสวนกลางเมืองและริมน้ำสุด คลาสสิก สร้างสรรค์เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 44 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จำนวน 18 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน 68-317 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.5 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงเปิดโครงการเฟสที่ 3-4 สำหรับทาวน์โฮม ประมาณ 80-90% และคอนโดมิเนียม ประมาณ 50%
ทั้งนี้ ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มากในเมือง Geelong บริษัท จึงได้ลงทุนพัฒนาโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) ต่อเนื่องในเฟส ที่ 5 โดยมีจุดเด่นทั้งทำเลและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจาก เฟสอื่นๆ ในโครงการ สำหรับโครงการ Balmoral Quay (Rippleside) เฟสที่ 5 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 7 ชั้น จำนวน 77 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้องนอน 55-112 ตร.ม. มูลค่ารวมประมาณ 1,248 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดพื้นที่ชุมชนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย ด้วยทำเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ มีทางเข้าออกทั้งจากระดับชั้นล่าง และชั้น 3 ของอาคาร รูปแบบอาคารออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิประเทศและสวนสาธารณะที่อยู่ข้างเคียง เพื่อไม่ให้ทัศนียภาพของบริเวณโดยรอบเสียไป เนื่องจากตัวอาคารตั้งอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดของแปลงที่ดิน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถสัมผัสทัศนียภาพของทั้ง Rippleside Beach และ Rippleside Park อย่างชัดเจน ใกล้กับแหล่งงาน และเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟและรถโดยสาร โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2565
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ