คณิศ รื้อแผนลงทุน5ปี ดึงธุรกิจสหรัฐเข้า อีอีซี เพิ่ม
Loading

คณิศ รื้อแผนลงทุน5ปี ดึงธุรกิจสหรัฐเข้า อีอีซี เพิ่ม

วันที่ : 11 พฤศจิกายน 2563
จ่อยกเครื่องแผนลงทุนอีอีซี
          ประภาศรี โอสถานนท์

          กรุงเทพธุรกิจ


          ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดทำแผนงานบูรณาการ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อ จัดทำงบประประมาณสนับสนุนอีอีซีในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมการดึง การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอีอีซี เพิ่มมากขึ้น

          คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า สกพอ.ยังเตรียมแนวทางการปรับแผนการลงทุนอีอีซี ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย ระยะ 5 ปี (2563-2567) ใหม่ เพื่อให้สอดรับ กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

          โดยเฉพาะภายหลังที่ โจ ไบเดน ได้รับ เลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่  ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อการลงทุนและจะมี ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green) เพราะไบเดนเน้นลดภาวะโลกร้อน จะดึงนักลงทุนจากสหรัฐได้มากขึ้น

          รวมถึงการดึงลงทุนเทคโนโลยีใหม่ที่ไทย กำลังเร่งผลักดัน 5G โดย สกพอ.เตรียมหารือ กับสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อ ผลักดันการลงทุนในอีอีซี โดย สกพอ.ประเมินไว้ว่าการลงทุนในอีอีซีรวมจะอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านล้านบาท

          นอกจากนี้ สพกอ.ต้องการให้รัฐบาล เร่งเปิดการกรอบข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่จะช่วยส่งเสริมอีอีซีต้องการแต่ติดปัญหายังไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งประเทศ เพื่อนบ้านเรา เช่น เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) รวมทั้งทำเอฟทีเอเวียดนาม-อียู ไปแล้ว ซึ่งทำให้มีแรงดึงดูดนักลงทุนเข้าไปลงทุนในประเทศมากขึ้น

          ขณะที่ไทยยังไม่ได้เข้าร่วมข้อตกลง ซีพีทีพีพี รวมทั้งยังไม่ได้ทำเอฟทีเอกับอียู ซึ่งต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้ เพื่อ เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพราะหากว่าเราไม่มีเอฟทีเอ นักลงทุน ที่เข้ามาลงทุนจะขยายตลาดได้ ขายสินค้าไปประเทศอื่นๆ ได้ รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนมาในประเทศไทยได้

          นอกจากนี้ สกพอ.ได้ประชุมชี้แจงส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ถึงการขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการอีอีซีปี 2565 เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2563 โดยมีผู้แทน 22 กระทรวง และ 120 หน่วยงาน เข้าร่วม โดยที่ผ่านมา สกพอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมขับเคลื่อนแผนบูรณาการอีอีซีผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ของหน่วยงานจากส่วนกลางและท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาชนทุกด้านมาแล้ว 3 ปี เพื่อให้มีความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่อ

          รวมทั้งการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่อเตรียมความพร้อมในการชักชวนการลงทุน ซึ่งแผนบูรณาการอีอีซีใน 3 ปีที่ผ่าน เน้นการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 จะยังคงสานต่อการพัฒนาคนให้ตรงกับความต้องการ การสร้างรายได้สูงขึ้น การยกระดับ คุณภาพระบบสาธารณสุขให้ได้มาตรฐาน รวมถึงมีระบบเฝ้าระวังโรคที่ได้มาตรฐานควบคู่ไปกับการขยายของเมือง

          นอกจากนี้จะเริ่มยกระดับเกษตรแบบ ดั้งเดิมสู่เกษตรสมัยใหม่ ที่มีการนำนวัตกรรม  มาช่วยเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตร พร้อมทั้งประเมินกำลังการผลิตให้ตรงต่อ ความต้องการของตลาด และกระตุ้นให้เกิด การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะ กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น  ทั้งนี้แผนบูรณาการพัฒนาอีอีซีนั้นทาง สกพอ.จะวางแนวทางสิ่งที่ต้องทำนั้นไปให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน มีแผนต่างๆ ก็นำแผนนั้นไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงคมนาคมดำเนินการจัดทำโครงการเพื่อให้ตอบสนองกับแผน ที่วางไว้ ซึ่งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้ดำเนินการไปแล้ว ดังนั้นในปีงบประมาณ 2565 จะเน้น การศึกษา สาธารณสุข ยกระดับชีวิตของประชาชน

          สำหรับมูลค่าการลงทุนจากภาครัฐและ อีอีซีที่วางไว้ต้องไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอีอีซี ซึ่งมีการจ้างงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้น 1 แสนคน รวมทั้ง อัตราการขยายตัวของจีดีพีในอีอีซีเพิ่มขึ้น 6.3% โดยมีภารกิจสำคัญ คือ

          1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคม ให้เชื่อมโยงไร้รอยต่อ เร่งพัฒนาระบบ สาธารณูปโภคให้เพียงพอกับความต้องการ และ ยกระดับโครงสร้างด้านดิจิทัล ซึ่งผลักดันขอรับ การจัดสรรงบประมาณตามภารกิจของหน่วยงาน

          2.การพัฒนาและยกระดับบุคลากร การศึกษา วิจัย และนวัตกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมทุนมนุษย์ สร้างความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีต้นทุนการผลิตลดลง 30% พัฒนาบุคลากรอย่างบูรณาการ เป็นต้น

          3.การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนรองรับการขยายตัวของเมือง โดยประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับสาธารณสุขให้มี คุณภาพและเพียงพอ ผลักดันระบบการแพทย์ ฉุกเฉิน พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน

          4.การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งต้องให้เกิดการลงทุนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างการรับรู้และชักจูงนักลงทุน

          ทั้งนี้ ภารกิจสำคัญดังกล่าวได้วางโครงการสำคัญในปี 2565 คือ การสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 6 โครงการ การพัฒนาบุคลากรรองรับ เทคโนโลยี กระตุ้นการจ้างงาน พัฒนาบรรจุภัณฑ์  สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ชุมชุม พัฒนาระบบบริการสุขภาพ และการแพทย์ฉุกเฉิน กระตุ้นการลงทุนและชักจูงนักลงทุน

          รวมถึงการส่งเสริมเอสเอ็มอีครบวงจร พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 พัฒนาพื้นที่ชุมชน ตามผังเมืองอีอีซี พัฒนาเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ  ผลักดันที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย สร้างความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซสู่เกษตรกร

          "เป้าหมายอีอีซีลงทุนปีละ 3 แสนล้านบาท โดย สกพอ.ใช้งบบูรณาการประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เป็นงบประมาณของรัฐ หรือ 20%  ที่เหลือเป็นเงินจากเอกชนที่ลงทุนในอีอีซี โดยงบบูรณาการดังกล่าวเป็นงบที่นำมาเร่งรัดการลงทุนเพื่อให้ภาคเอกชนมานำเงินมาลงทุน 3 แสนล้าน ทั้งนี้คาดว่าแผนงานบูรณาการจะสามารถเสร็จได้ต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า"

          หลังไบเดนชนะเลือกตั้ง จะส่งผลบวกต่อการลงทุน และมีความร่วมมือการค้ากับไทยมากขึ้น คณิศ แสงสุพรรณ
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ