รัฐโชว์บิ๊กโปรเจกต์อีอีซีไฮสปีดคืบ-จ่อเซ็นแหลมฉบัง
Loading

รัฐโชว์บิ๊กโปรเจกต์อีอีซีไฮสปีดคืบ-จ่อเซ็นแหลมฉบัง

วันที่ : 10 สิงหาคม 2564
นายกฯ ให้แนวคิดโครงการต้องสดคล้อง ไปถึงอนาคต-สอดรับแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์
         รัฐบาลโชว์ความคืบหน้าบิ๊กโปรเจกต์อีอีซี เผยการจัดหาแหล่งน้ำดำเนินการเสร็จแล้ว 9 โครงการ จาก 38 โครงการที่จะดำเนินการถึงปี 80 การส่งมอบ พื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินคืบหน้า 86% คาดส่งครบภายใน ก.ย.นี้ เตรียมชงสัญญาท่าเรือแหลมฉบับเฟส 3 ให้ ครม. พิจารณา ก่อนเซ็นสัญญา "บิ๊กตู่" ย้ำการเดินหน้าโครงการ ต้องสอดคล้องแผนด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ และเชื่อมโยงกับภูมิภาค

          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามและรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการต่างๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยนายกฯ ได้ให้แนวคิดการจัดทำโครงการอีอีซี ให้วางแผนไปถึงอนาคต ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ของกระทรวงคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งภายในประเทศ ภูมิภาค และประเทศอื่นๆ อย่างเป็นระบบ รวมทั้งให้สอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย

          สำหรับความคืบหน้าโครงการสำคัญ ได้แก่

          1.การจัดหาแหล่งน้ำรองรับพื้นที่อีอีซี เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและวางแผนระยะยาวให้ยั่งยืน โดยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำจนถึงปี พ.ศ.2580 มีทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 52,874.47 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 9 โครงการ และยังมีโครงการผลิตน้ำจืดจากทะเล (Desalination) ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการจัด ทำโครงการ รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่พื้นที่ 3,348 ไร่ โดยมอบหมายให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากร น้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ให้รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ 4 แหล่งที่มีศักยภาพสูง และสามารถนำมาใช้ได้ถึง 4,039 ล้านลูกบาศก์เมตร

          2.ความก้าวหน้าการลงทุนในอีอีซี มีมูลค่าสูงถึง 1,594,282 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย. 2564) โดยมีการลงทุนที่สำคัญๆ เช่น โครง การร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน ซึ่งได้ผู้ลงทุน 4 โครงการหลัก มูลค่ารวม 633,401 ล้านบาท การส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญาในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีความคืบหน้า 86% แล้ว พร้อมส่งมอบทั้งหมดภายในเดือน ก.ย.2564 รวมทั้งการยกระดับแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ส่วนสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จัดทำแผนแม่บทสนามบินอู่ตะเภาฉบับสมบูรณ์ พร้อมเริ่มว่าจ้างผู้ออกแบบระดับโลก และกองทัพเรือได้ออกแบบทางวิ่งที่ 2 และงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว

          3.ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ได้ข้อตกลง ในร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด โดยจะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และลงนามสัญญาต่อไป

          นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาแก้ปัญหาซ้อนทับโครงการรถไฟความเร็วเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในช่วงบางซื่อถึงดอนเมือง ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องใช้แนวเส้นทาง และจำเป็นต้องมีโครงสร้างโยธา ทั้งเสาและฐานรากร่วมกัน (โครงสร้างโยธาร่วม) แต่ระยะเวลา การก่อสร้าง และมาตรฐานเทคนิคทั้ง 2 โครงการไม่สอดคล้องกัน โดยสำนักงานคณะ กรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะหาแนวทางร่วมกันกับเอกชนคู่สัญญา ในส่วนการปรับหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของรัฐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกชนคู่สัญญาอย่างเหมาะสม โดยยึดหลักไม่ให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติม และแผนก่อสร้างทั้งสองโครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในเบื้องต้นให้สามารถรองรับรถไฟความเร็วสูงได้ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ตลอดเส้นทาง
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ