ดัน โมโนเรล 3 เส้นทาง บูมทำเลทองปทุม
Loading

ดัน โมโนเรล 3 เส้นทาง บูมทำเลทองปทุม

วันที่ : 13 กุมภาพันธ์ 2565
การลงทุนรถไฟฟ้า 3 เส้นทางจะเพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีจากแนวราบสู่แนวสูงอีกทั้งยังช่วยให้ราคาที่ดินขยับสูงจากปัจจุบันราคาไร่ละ 10-20 ล้านบาท ทำเล รังสิต-นครนายก ขยับสูงเป็น 30 ล้านบาทต่อไร่
         ปทุม อ่วมรถติดพุ่ง 1.6 แสนคันต่อวัน กกร.จังหวัด ดัน โมโนเรล ผ่าปทุม 3 เส้นทาง เชื่อมรถไฟฟาสายหลัก "สีแดงรังสิต -สีเขียวคูคต" 5,000ล้าน ผ่านคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เปิดศักยภาพพัฒนาที่ดินดังราคาพุ่ง

         "ปทุมธานี" หนึ่งในจังหวัดปริมณฑล ที่กำลังเผชิญวิกฤติจราจรไม่ต่างจากกรุงเทพมหานคร โดยถนนบางสายมีปริมาณการจราจรหนาแน่นกว่า140,000-160,000 คัน/วันแม้ว่าจะมีรถไฟฟ้า 2 สายทางรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต และสายสีเขียวหมอชิต-คูคตขยายเส้นทางเชื่อมเข้าถึงจังหวัด ทว่ายังขาดระบบ Feeder มารองรับ ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการยังต่ำ

          ล่าสุดคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี มีนายชวลิต ครองสิน เป็นประธานหอการค้าจังหวัดปทุมธานี นายสุรพงษ์ เป้ากลาง ประธานและชมรมธนาคารไทยปทุมธานี และนางนราวดี แก้วสำราญ เป็นประธาน ได้เข้าพบ  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) ยื่นผลศึกษาโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเบา 3 สาย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาไว้ ขอสนับสนุนให้เป็นผู้นำในการผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมเพราะปัญหาจราจรปทุมธานีนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ

          ทั้งนี้ การประชุมกกร.จังหวัดปทุมธานี ครั้งที 1/2565 เมื่อเดือนมกราคม 2565  พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นประธานในที่ประชุมได้เสนอประเด็นปัญหาเพื่อพิจารณาแก้ไขร่วมกันทั้งนี้นอกจากจะส่งผลดีต่อการเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายหลักสายสีแดงและสายสีเขียวลดปัญหาจราจรแล้วยังเพิ่มศักยภาพการพัมนาที่ดินแนวเส้นทางให้สูงขึ้นเปิดพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์นอกจากที่อยู่อาศัยแนวราบ

          ขณะราคาที่ดินขยับสูงทั้งนี้ นายชวลิต ครองสิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานีเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การลงทุนรถไฟฟ้า 3 เส้นทางจะเพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีจากแนวราบสู่แนวสูงอีกทั้งยังช่วยให้ราคาที่ดินขยับสูงจากปัจจุบันราคาไร่ละ 10-20 ล้านบาท ทำเล รังสิต-นครนายก ขยับสูงเป็น 30 ล้านบาทต่อไร่ หากรถไฟฟ้าก่อสร้างเปิดให้บริการโดยเฉพาะตั้งแต่ทำเลรังสิตคลอง 3-คลอง6  ที่มีการพัฒนาเกิดขึ้นมากและการพัฒนาขยายออกไปถึงคลอง 15 ขณะการลงทุนประเมินว่าจะใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณของท้องถิ่นและสามารถพัฒนาได้ภายในไม่เกิน 2-5 ปี นับจากนี้ สำหรับรูปแบบคล้ายกับสายสีทอง หรือไม่สายสีเหลืองในกทม. ซึ่งรูปแบบลงทุนจะเป็นเอกชนร่วมลงทุนรัฐ PPP หรือไม่ก็จ้างเอกชนเดินรถเพียงอย่างเดียว

          ปัจจุบันปทุมธานีได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติจราจรเกิดความสูญเปล่าทางพลังงานหากมีรถไฟฟ้าพาดผ่านในจังหวัดนอกจากสร้างความเจริญให้กับเมืองแล้วยังสามารถรองรับคนจำนวนมากเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายสีแดงสายสีเขียววิ่งเข้าสู่ใจกลางกทม.ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่ลงทุนระบบรางให้เกิดความคุ้มค่า

          รถไฟฟ้ารางเบา 3 เส้นทางประกอบด้วย สายที่ 1 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีรังสิตตลาดรังสิต-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตระยะทาง 2 กิโลเมตร สายที่ 2 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคตถนนเสมาฟ้าคราม-ถนนรังสิต-นครนายก-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร สายที่ 3 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-ตลาดไท-วัดธรรมกาย ระยะทาง 6 กิโลเมตร

          ด้านแหล่งข่าวศูนย์ตักศิลารังสิต ( Rangsit  Knowledge Center) ในฐานะภาคประชาสังคมจังหวัดปทุมธานี ระบุว่าการดำเนินการใน 3 เส้นทางที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีผลศึกษา ถือว่าเป็นการแก้จุดที่เป็นหัวใจและเป็นจุดที่มีปัญหาจราจรในปทุมธานีมากที่สุด แต่ในอนาคตอยากให้ขยายเส้นทางสายที่ 2 ที่เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคตถนนเสมาฟ้าคราม-ถนนรังสิตนครนายก-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร ช่วงคลอง 2 ถนนรังสิต-นครนายก อยากให้ลากยาวไปบนเกาะกลาง ถึงคลอง 6-7 และเชื่อมกับสวนสัตว์แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดในปี 2570  จะทำให้ประชาชนมีโอกาสใช้บริการมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง  สอดรับกับนโยบายของจังหวัดที่ต้องการเพิ่มนักท่องเที่ยวจากปัจจุบัน 8 แสนคนต่อปี เป็น 2-3 ล้านคนต่อปีได้ไม่ยากและทำให้รายได้เพิ่มจากปีละ 4,000- 5,000 ล้านเป็น 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปีไม่ยาก

          สำหรับระบบ Feeder อื่น เช่น ทางเรือ ทางเลน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ผลักดันไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างทางเลือกให้ประชาชนในการเดินทางตามไลฟ์สไตล์ เพราะเรามีท่าเรือที่เคยทำไว้ตั้งแต่คลอง1- คลอง7 มีท่าเรืออยู่แล้ว เหลือแต่จัดหาเรือมาบริการ และปรับปรุงท่าใหม่ที่ชำรุด ส่วน Feeder อีกระบบ คือ เลนจักรยาน เพื่อกลุ่มรักสุขภาพ จากสถานีรถไฟฟ้ารังสิต-คลอง 6 ซึ่งปัจจุบันช่วงจากคลอง 3-5 มีอยู่แล้วภายใต้การดำเนินการของเทศบาลเมืองบึงยี่โถ หากเทศบาลนครรังสิตต่อเส้นทางจากคลอง 3 ถึงสถานีรถไฟฟ้ารังสิต  และเทศบาลตำบลธัญบุรี ขยายเส้นทางจากคลอง5 ถึงคลอง 7 จะทำให้มีทางเลือกการเดินทางมากขึ้น และการลงทุนก็ไม่แพงเพียงกิโลเมตรละ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากเป็นระบบ feeder เสริม ยังจะเป็น Landmark แห่งใหม่ของปทุมธานีอีกด้วย

          ทั้งนี้มีคำพูดติดตลกว่า คนปทุมธานีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีสาธร มาลงคูคต ใช้เวลา 45 นาที แต่เดินทางจากคูคตถึงฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ใช้เวลา 2 ชั่วโมง  เพราะถนนเสมาฟ้าคามรถติดมาก พอกับรังสิตนครนายก  โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

          ดังนั้น หากเฟสแรก ดำเนินการตามผลศึกษาข้างต้น และเฟส 2 ขยายเส้นทางรังสิตนครนายก ออกไปถึงคลอง 7 และสวนสัตว์เขาดินแห่งใหม่ และสายที่ 3 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตลาดไท-วัดธรรมกาย ระยะทาง 6 กิโลเมตร ขยายเส้นทางต่อไปถึงอุทยานวิทยาศาสตร์ คลอง 5 จะช่วยป้อนปริมาณผู้โดยสารผ่านรถไฟฟ้าโมโนเรล เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า 2 สายหลักได้อย่างคุ้มค่า

          ทั้งนี้หากนำระบบรถEVBUS มาวิ่งเป็นระบบ Feeder บนถนนหลักแทน มองว่าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะยังต้องไปแย่งเลนร่วมกับรถยนต์ปกติดังนั้นทางออกต้องระบบรางเท่านั้น

          "ระบบ Feeder อื่น เช่น ทางเรือ ทางเลน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ผลักดันไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างทางเลือกให้ประชาชน"
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ