นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประจำไตรมาส 3 ปี 65 พบว่า ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใกล้เคียงการเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ย 5 ปีแล้ว มีค่าเท่ากับ 368.8 จุด เพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ค่าเฉลี่ย 5 ปี เพิ่มขึ้น 4.1% เป็นผลจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และผู้ประกอบการเริ่มกลับมาประกาศพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง

          "ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าปกติ ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลได้ประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตรา 100% ทำให้ผู้ประกอบการสะสมที่ดินลดลง รวมถึงก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการได้ชะลอการลงทุนโครงการใหม่ เพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมถึงเกิดภัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เศรษฐกิจไทยปี 65 โตต่ำกว่าที่คาดไว้"

          สำหรับโซนราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรกในไตรมาส 3  ส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินที่พื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากมีความต้องการเพื่อพัฒนาบ้านจัดสรร ขณะที่ราคาที่ดินในเขตชั้นในและชั้นกลางของกรุงเทพฯ มีราคาสูงอยู่แล้ว แม้จะปรับขึ้นบ้างแต่ก็ไม่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่สูงดังเช่นในพื้นที่ชานเมือง โดยอันดับ 1 คือ ที่ดินในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง เพิ่มขึ้น 55.7% อันดับ 2  ที่ดินในโซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด เพิ่มขึ้น 42.8% อันดับ 3 ที่ดินในโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้วสามโคก เพิ่มขึ้น 28.1% อันดับ 4 ที่ดินในโซนราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอนจอมทอง เพิ่มขึ้น 26.4% และอันดับ 5 ที่ดินในโซนพระโขนงบางนา-สวนหลวง-ประเวศ เพิ่มขึ้น 11.6%

          ส่วนราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน พบว่า เส้นทางรถไฟฟ้า อันดับแรกที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ สายสีม่วง เพิ่มขึ้น 9% โดยเฉพาะอำเภอเมืองนนทบุรี และบางบัวทอง รองลงมาคือ สายสีชมพู เพิ่มขึ้น 5.8% โดยเขตหลักสี่ และเขตคันนายาว อันดับ 3 ได้แก่ สายบีทีเอส เพิ่มขึ้น 5.2% เขตจตุจักร บางนา พญาไท และพระโขนง เป็นบริเวณที่ราคาปรับขึ้นมาก อันดับ 4 สายสีเหลือง ที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 4.7% โดยมีเขตบางพลี ประเวศ และเมืองสมุทรปราการ เป็นบริเวณที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมาก และ อันดับ 5 สายสีน้ำตาล ซึ่งกำลังจะก่อสร้างในอนาคต ที่ดินเพิ่มขึ้น 4.4%