เตรียมชงมาตรการลดหย่อนภาษีล้านละหมื่นบาท
          
          นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกปี 2566 ยอดสั่งสร้างบ้านไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งปัจจัยด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า รวมถึงต้นทุนค่าแรงจากนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็พบว่าค่าแรงได้มีการขยับไปก่อนหน้านี้แล้ว และค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ส่งผลสำคัญและมีผลต่อราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น

          "สมาคมกังวลหากมีการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ต้องการสั่งสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด โดยเศรษฐกิจของประเทศอาจต้องชะลอตัวอีกครั้ง หลังจากที่ฟื้นตัวมาบ้างแล้วจากสถานการณ์โควิด-19"

          นายโอฬารกล่าวว่า เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ ดังกล่าว ทางสมาคมเตรียมผลักดันมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคไว้ใน 2 เรื่องหลัก คือ การเสนอให้มีการอนุมัติมาตรการทางภาษีให้ผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองสามารถนำมูลค่าสร้างบ้านที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตามเอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.4) นำไป ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

          "ข้อเสนอให้นำค่าสร้างบ้านมาลดหย่อนภาษีได้จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคและกระตุ้นตลาดที่เห็นผลเร็วที่สุด นอกจากนี้ทางสมาคมจะร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อสร้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีหลายแห่ง ที่พร้อมจะปล่อยกู้ด้วยยอดสินเชื่อที่สูงและดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านหลังละ 1-3 ล้านบาท" นายโอฬารกล่าว

          นอกจากนี้ ทางสมาคมเตรียมกระตุ้นตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้กับงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2023" จัดระหว่างวันที่ 20-24 ก.ย. ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 2 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 134.0 จุด ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันปีก่อน 2.1% แต่เป็นการเพิ่มที่มีทิศทาง การชะลอตัวลง ขณะที่ค่าแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน