30เอกชนยื่นลงทุนEEC ล็อตใหญ่2แสนล.
Loading

30เอกชนยื่นลงทุนEEC ล็อตใหญ่2แสนล.

วันที่ : 13 พฤษภาคม 2567
เลขาฯ อีอีซี เผยนักลงทุน 30 ราย เข้าคิวยื่นขอสิทธิประโยชน์ ลุ้น มิ.ย.นี้ ครม.เคาะร่างประกาศ กพอ.เรื่องสิทธิประโยชน์ เดินหน้าเจรจา ดึงเม็ดเงินลงทุนล็อตใหญ่ 2 แสนล้าน บ. เผย "ญี่ปุ่น-จีน" มากสุด
         ลุ้นเคาะสิทธิประโยชน์ฯ

         ล็อตใหญ่2แสนล.30เอกชนยื่นลงทุนEEC

        วานนี้ (12 พ.ค.) นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในรอบ 1 ปีหลังจากที่ตนได้เข้ารับตำแหน่งเลขาฯอีอีซี ได้พบปะเจรจากับนักลงทุนรวมทั้งสิ้น 84 ราย โดยมีนักลงทุนจำนวน 30 รายได้ยื่นขอสิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่อีอีซี มีวงเงินลงทุนรวมกันประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องรอประกาศ กพอ. เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ... ซึ่งเป็นกฎหมายลูกของ พ.ร.บ.อีอีซี ก่อน โดย กพอ.หรือบอร์ดอีอีซี ได้เห็นชอบร่างประกาศ กพอ.เรื่องสิทธิประโยชน์ฯ แล้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 66 และเมื่อเดือน ก.พ. 67 ได้เสนอไปที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ระหว่างรอบรรจุวาระ ครม.เพื่อทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับต่อไป

         นายจุฬา กล่าวต่อว่า ตามประกาศ กพอ.เรื่องสิทธิประโยชน์ฯ ดังกล่าว นอกจากมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตแล้ว ยังกำหนดกระบวนการและกำหนดให้มีคณะกรรมการเจรจาสิทธิประโยชน์ หลักการทั่วไปจะคล้ายกับ สิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แต่ อีอีซี จะมีการเจรจากับแต่ละราย ว่ามีรายละเอียดการลงทุนอย่างไร มูลค่าลงทุนเท่าไร และต้องการสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง โดยจะมีกรอบเรื่องสิทธิประโยชน์ ให้ผู้ลงทุนแต่ละรายพิจารณาและมาเจรจากัน เพื่อสรุปข้อตกลงการให้สิทธิประโยชน์ และรายงานต่อบอร์ด อีอีซี รับทราบ ดังนั้นแต่ละราย แม้จะลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่มเดียวกันก็อาจจะได้สิทธิประโยชน์ไม่เท่ากัน

         เลขาฯ อีอีซี กล่าวด้วยว่า หลังประกาศมีผลบังคับใช้ จะเป็นกระบวนการตั้งคณะกรรมการเจรจาฯ และเริ่มเจรจากับเอกชนแต่ละราย คาดว่า อีอีซี จะเริ่มให้สิทธิประโยชน์ได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.67 เป็นต้นไป และภายใน 2-3 เดือนจะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาแน่นอน นักลงทุน 30 ราย จะถือเป็นล็อตแรกที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีและได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายอีอีซี โดยงานแรกๆ จะเป็นการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงาน และจัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ เกิดการจ้างงานในพื้นที่

         "ผู้ลงทุนทั้ง 30 รายที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่อีอีซี มีความชัดเจนในประเภท อุตสาหกรรมที่และมูลค่าที่เข้ามาลงทุนแล้ว รอเพียงการเจรจาสิทธิประโยชน์ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) เศรษฐกิจสีเขียว เชื้อเพลิงชีวภาพ การเกษตรเทคโนโลยีชีวภาพและการแปรรูปอาหาร พลังงานสมัยใหม่ มีมูลค่าลงทุน ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท หรือกว่า 50% รองลงมาคือพวกดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน" นายจุฬา ระบุ

         นายจุฬา แสดงความเชื่อมั่นว่า การลงทุนในพื้นที่อีอีซี จะทำให้เศรษฐกิจโดยรอบพื้นที่ และเกิดการจ้างงาน และส่งผลให้สังคมที่เกี่ยวเนื่องดีไปด้วย และจะผลักดันให้มีการลงทุนเพิ่มตามเป้าหมาย ปีละ 1 แสนล้านบาท และคาดหมายว่า เมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และท่าอากาศยานอู่ตะเภาเมืองการบิน ได้เริ่มต้น จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ รถไฟและสนามบิน ตามมาอีกมาก

        นอกจากนี้ ที่ผ่านมา อีอีซี ยังมีการขยายพื้นที่การลงทุนเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และมีการเปิดพื้นที่ใหม่ ไปทางจ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากในจ.ระยอง และชลบุรีเริ่มแน่น และต้นทุนของพื้นที่อาจจะเริ่มแพงเกินไปสำหรับธุรกิจ บางประเภท รวมถึงกำหนดผังเมืองทำนิคมอุตสาหกรรม ที่ไม่กระทบกับชุมชน

         นายจุฬา เปิดเผยอีกว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ อีอีซี เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุด 15 ปี, สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน, สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด, สิทธิในการประกอบวิชาชีพ, สิทธิในการเช่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ระยะยาว 50 ปี+49 ปีสิทธิในการประกอบวิชาชีพ, สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักรและสิทธิในการได้รับ Work Permit, สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยเงินตราต่างประเทศ,สิทธิในการขอรับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร คลังสินค้าชายแดน หรือเขตการค้าเสรี เป็นต้น

         ทั้งนี้ เกณฑ์การพิจารณาขอรับสิทธิประโยชน์นั้นมีองค์ประกอบการพิจารณา 13 หัวข้อ ได้แก่ 1. ประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง หรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและส่งเสริมฯภายใต้ พ.ร.บ.อีอีซี, 2. แผนการลงทุน, 3. ความสำคัญของกิจการต่อห่วงโซ่อุปทาน, 4. การเป็นผู้บุกเบิกกิจการในอุตฯไทย, 5. มูลค่าเงินลงทุนสุทธิและมูลค่าการลงทุนจริงที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่, 6. การใช้ทรัพยากรและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น, 7. ระดับเทคโนโลยีที่ใช้ในกิจการ, 8. แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยี, 9. การ ลงทุนวิจัยและพัฒนา, 10. การจ้างงาน และการมีส่วนร่วมของแรงงานไทยทักษะสูง, 11. ความยั่งยืนของกิจการ, 12. ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ 13. การพัฒนาและสนับสนุนชุมชน.
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ
19 สิงหาคม 2568
ทำเล 'พระราม 4-ลุมพินี' ฮอตสปอตใหม่! ค่าเช่าพุ่งสูงสูด พลิกโฉม 'กทม.' สู่มหานครโลก
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ฉายภาพว่า กรุงเทพมหานครกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเมือง เมื่อย่านพระราม 4-ลุมพินี กลายเป็นจุดสนใจระดับภูมิภาค หลังเปิดตัวมิกซ์ยูสยักษ์วัน แบงค็อก มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท พื้นที่กว่า 104 ไร่ นับเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้พลิกโฉมพื้นที่หัวมุมถนนพระราม 4-วิทยุ ให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมที่ครบวงจร เชื่อมต่อโดยตรงกับสวนลุมพินีต่อเนื่องกัน