ก่อสร้างคอนโดฯแสนล.วูบ จี้รัฐฟื้นเชื่อมั่น คนซื้อหลอน 'แผ่นดินไหว'
วันที่ : 3 เมษายน 2568
SCB EIC มองว่าการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเนื่องให้กิจกรรมก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 86,000-100,000 ล้านบาท ต่อปี (ราว 15-17% ของมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวม) เติบโตชะลอลงตาม
กระทบท่องเที่ยว2หมื่นล.-ลุ้นสงกรานต์!
ก่อสร้างคอนโดฯแสนล.วูบ จี้รัฐฟื้นเชื่อมั่น คนซื้อหลอน 'แผ่นดินไหว' กระทบท่องเที่ยว2หมื่นล.-ลุ้นสงกรานต์!
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 บริเวณตอนกลางของประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 แมกนิจูด แรงสั่นสะเทือนกระจายไปในหลายประเทศรวมถึงไทย สร้างความเสียหายต่ออาคารจำนวนมากโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ นับเป็นความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่ไทยเคย เผชิญมา ส่งผลให้อาคารขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มลงมา จนมีผู้เสียชีวิตจากการก่อสร้างที่ ไม่ได้มาตรฐาน ขณะที่อาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาคารเกิดรอยร้าวแตกออก ส่วนภายในอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน
ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงปัจจุบัน ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่างเร่งระดมทุนวิศวกร และทีมผู้เชี่ยวชาญต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของภาครัฐ เข้าไปตรวจสอบ แก้ไข ฟื้นฟู และมีการดูแลลูกบ้านในแต่ละโครงการอย่างเต็มที่ เป็นการเรียกฟื้นความมั่นใจกลับคืนมา ซึ่งเป็น ประเด็นใหญ่มากๆ สำหรับความรู้สึกของ ผู้ซื้อต่อการตัดสินใจจะซื้อโครงการคอนโดฯหรือไม่ หรือ ขายทิ้ง !
และจากผลกระทบที่มีต่อโครงการคอนโดฯ ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวอย่างแรง เมื่อมีการเปิดตลาดวันที่ 31 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ของแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคของตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งอาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของโครงสร้างอาคารและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในอาคารสูง คาดว่าจะเป็นปัจจัยลบสำคัญที่มีผลกระทบต่อสต๊อกรอขายของคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 458,390 ล้านบาท
ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมกับสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชน จำนวน 110 คน ได้ตรวจสอบอาคารที่มี การแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ข้อมูลระหว่างวันที่ 18-31 มี.ค. 68 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 2,097 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติจำนวน 1,921 อาคาร มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ จำนวน 156 อาคาร โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนัก โดยได้สั่งให้ระงับการการใช้อาคารจำนวน 20 อาคาร
ทั้งนี้ ยังระบุว่า อาคารที่มีโครงสร้างเสียหายอย่างหนัก โดยได้มีคำสั่งให้ระงับการใช้อาคารจำนวน 3 อาคาร และทางเชื่อมอาคารจำนวน 1 อาคาร
กระทบ 3 กลุ่ม "ท่องเที่ยว-คอนโดฯ-ก่อสร้าง"
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินผล กระทบเบื้องต้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจภาพรวม โดยประเมินความเสียหายต่อภาคท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์
1. คาดกระทบท่องเที่ยว 2 หมื่นลบ.
เหตุแผ่นดินไหวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย สะท้อนจากตัวเลขการยกเลิกห้องพักในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของสมาคมโรงแรมไทยที่มีการยกเลิกห้องแล้วประมาณ 1,100 บุกกิงทั่วประเทศและจากข้อมูลของผู้ประกอบการโรงแรมห้องพักที่ถูกยกเลิกส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่ด้านสมาคมสายการบินประเทศไทยระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตัวเลขการจองที่นั่งโดยสารรายวันลดลงเฉลี่ย 40-60% นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งยังเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัยกับพลเมืองที่จะเดินทางมาไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และแคนาดา
SCB EIC ประเมินเหตุแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในการประเมินผลกระทบเบื้องต้นคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนจะลดลงราว -12%MOM ซึ่งลดลงมากกว่าการลดลงเฉลี่ยตามฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนของช่วงปี 2017-2019 ซึ่งอยู่ที่ราว -6%MOM และจะใช้เวลาฟื้นตัวให้กลับมาเติบโตได้ตามปกติราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ มีโอกาสลดลงจากประมาณการเดิมราว 4 แสนคน และสูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราว 21,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากภาครัฐเร่งออกมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติของ SCB EIC ในปีนี้เดิมที่ 38.2 ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น
2. แนวโน้มคอนโดฯยอดโอนลดฮวบ!
ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เกิดความเสียหายในระดับอาคารถล่ม แต่การฟื้นตัวของตลาดฯ ยังขึ้นอยู่กับการกลับมาของความเชื่อมั่นผู้บริโภค SCB EIC คาดว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2025 มีแนวโน้มอยู่ที่ 8.5 หมื่นหน่วย หดตัว -0.8%YOY ต่ำกว่ามุมมองเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.6%YOY สาเหตุหลักเพราะ
1) กลุ่มที่มีแผนจะโอนกรรมสิทธิ์/มีแผนจะซื้อคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มจะชะลอการโอนหรือการตัดสินใจซื้อออกไป เนื่องจากยังต้องการความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย รวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายเชิงสถาปัตยกรรมของห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง และตัวอาคารก่อนการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ หรือซื้อ
และ 2) กลุ่มผู้ลงทุนในคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มชะลอการ ลงทุนจากความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น ราคาขายต่อของคอนโดมิเนียมการย้ายออกของผู้เช่ากลุ่มที่มีความกังวลอาจหันไปเช่าที่อยู่อาศัย แนวราบแทน แม้อัตราค่าเช่าจะสูงกว่าคอนโดฯในทำเลเดียวกัน หรือเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแนวราบที่อัตราค่าเช่าไม่ต่างจากคอนโดมิเนียมมากนักในทำเลที่ไกลออกไป
สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และกำลังผ่อนชำระค่างวด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง จะยังมีแนวโน้มอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และผ่อนชำระค่างวดต่อไป เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านการเงินในการย้ายที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม ทั้งนี้การที่ ผู้ประกอบการ เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร และมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือลูกบ้านทันท่วงที ช่วยคลายความ ตื่นตระหนกสำหรับลูกบ้านได้ส่วนหนึ่ง ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน เช่น การลดค่างวดหรือพักชำระเงินต้น สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และการออกสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการผ่อนชำระค่างวด รวมถึงสามารถดำเนินการซ่อมแซมห้องพักให้สามารถกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ ทั้งนี้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มได้อานิสงส์บางส่วนจากกลุ่มที่มีความกังวลในการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และมีความพร้อมทางการเงินในการย้ายไปที่อยู่อาศัยแนวราบ หรือสามารถซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเติม
ดีเวลลอปเปอร์เบรกขึ้นคอนโดฯใหม่
การเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2568 จะยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยเผชิญแรงกดดันหลักจากกำลังซื้อกลุ่มรายได้ ปานกลาง-ล่างที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่แนวโน้มการชะลอการโอนกรรมสิทธิ์ หรือการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมจากแผ่นดินไหว เป็นแรงกดดันให้หน่วยเหลือขายสะสมคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 68 ยังอยู่ในระดับสูงราว 74,000 หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงทำการตลาดแข่งขันชูจุดขายด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาตรการรับมือภัยพิบัติการตอบสนองความต้องการหรือให้ความ ช่วยเหลือลูกบ้านได้ทันท่วงที
3. รับเหมาก่อสร้างคอนโดฯ งานหายแสนล.
พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในระดับที่ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้างทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในปี 2025 จะยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงผู้ผลิตและค้าวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมอาคาร และสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย
SCB EIC มองว่าการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเนื่องให้กิจกรรมก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 86,000-100,000 ล้านบาท ต่อปี (ราว 15-17% ของมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวม) เติบโตชะลอลงตาม
ความสามารถในการรองรับภัยพิบัติต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้าง จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ว่าจ้าง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ ความสำคัญ รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มจะเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาหลัก พันธมิตร และ ผู้รับเหมาช่วง ขั้นตอนการก่อสร้างที่จะต้องมีความปลอดภัย และ ใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จนถึงขั้นตอนตรวจรับงานที่ผู้ว่าจ้าง จะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งความตรงเวลาและคุณภาพของงานที่ส่งมอบ ทั้งนี้ความเข้มงวดในขั้นตอนต่างๆ ที่สูงขึ้นนี้จะเป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเกิดการแข่งขันด้านคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมาในระยะข้างหน้า
SCB EIC ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากแผ่นดินไหวราว 3 หมื่นล้านบาท แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการฟื้น ความเชื่อมั่นในระยะสั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีแนวโน้ม สร้างผลกระทบต่อความกังวลด้านความปลอดภัย และการใช้จ่ายที่ เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความกังวลที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอาคาร จนอาจทำให้กิจกรรมบางส่วนหยุดชะงักเพื่อรอตรวจสอบ รวมถึงประชาชนอาจชะลอการใช้จ่ายบริการ ชอปปิ้ง และการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ดี รายจ่ายที่หายไปบางส่วน อาจได้รับการชดเชย จากรายจ่ายซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และการใช้จ่ายภาครัฐที่อาจ เพิ่มขึ้น จากการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบ และฟื้นฟูหลัง ภัยพิบัติ ผ่านการจัดสรรงบฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ทำให้ขนาดผลกระทบอาจ ลดความรุนแรงลงได้
ต้องเร่งช่วยเหลือ-ฟื้นเชื่อมั่น-การสื่อสารที่ดี
ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุแผ่นดินไหวต่อ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025 ราว 30,000 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจมีแนวโน้มลดลงจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจอาจยังไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาความ เชื่อมั่นจะฟื้นฟูกลับมาได้ทั้งของคนในประเทศ นักท่องเที่ยว และ นักลงทุนต่างชาติ
มองว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงมาก และมีผลชั่วคราว คือ การที่ภาครัฐเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และเรียกความเชื่อมั่นสาธารณะกลับมาผ่านการออกแนวนโยบาย ได้แก่
เร่งช่วยเหลือ - เร่งประสานความร่วมมือด้านประกันภัยเพื่อเร่งรัดการชดเชยความเสียหายแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ตลอดจนการออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้าและเพื่อรักษาสภาพคล่อง พร้อมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เรียกเชื่อมั่น - เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรม ที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอาคารสูงอย่างละเอียด จากหน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถแจ้งเตือนเหตุให้ประชาชน/นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที ที่สำคัญภาครัฐต้องสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว โปร่งใสและเชื่อถือได้
แม้เราจะควบคุม After shock ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ แต่นโยบายสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยลด After shock ทางความรู้สึกของประชาชน และช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจตามมาได้
ก่อสร้างคอนโดฯแสนล.วูบ จี้รัฐฟื้นเชื่อมั่น คนซื้อหลอน 'แผ่นดินไหว' กระทบท่องเที่ยว2หมื่นล.-ลุ้นสงกรานต์!
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 บริเวณตอนกลางของประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 แมกนิจูด แรงสั่นสะเทือนกระจายไปในหลายประเทศรวมถึงไทย สร้างความเสียหายต่ออาคารจำนวนมากโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ นับเป็นความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่ไทยเคย เผชิญมา ส่งผลให้อาคารขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มลงมา จนมีผู้เสียชีวิตจากการก่อสร้างที่ ไม่ได้มาตรฐาน ขณะที่อาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาคารเกิดรอยร้าวแตกออก ส่วนภายในอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน
ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงปัจจุบัน ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่างเร่งระดมทุนวิศวกร และทีมผู้เชี่ยวชาญต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของภาครัฐ เข้าไปตรวจสอบ แก้ไข ฟื้นฟู และมีการดูแลลูกบ้านในแต่ละโครงการอย่างเต็มที่ เป็นการเรียกฟื้นความมั่นใจกลับคืนมา ซึ่งเป็น ประเด็นใหญ่มากๆ สำหรับความรู้สึกของ ผู้ซื้อต่อการตัดสินใจจะซื้อโครงการคอนโดฯหรือไม่ หรือ ขายทิ้ง !
และจากผลกระทบที่มีต่อโครงการคอนโดฯ ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวอย่างแรง เมื่อมีการเปิดตลาดวันที่ 31 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ของแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคของตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งอาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของโครงสร้างอาคารและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในอาคารสูง คาดว่าจะเป็นปัจจัยลบสำคัญที่มีผลกระทบต่อสต๊อกรอขายของคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 458,390 ล้านบาท
ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมกับสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชน จำนวน 110 คน ได้ตรวจสอบอาคารที่มี การแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ข้อมูลระหว่างวันที่ 18-31 มี.ค. 68 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 2,097 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติจำนวน 1,921 อาคาร มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ จำนวน 156 อาคาร โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนัก โดยได้สั่งให้ระงับการการใช้อาคารจำนวน 20 อาคาร
ทั้งนี้ ยังระบุว่า อาคารที่มีโครงสร้างเสียหายอย่างหนัก โดยได้มีคำสั่งให้ระงับการใช้อาคารจำนวน 3 อาคาร และทางเชื่อมอาคารจำนวน 1 อาคาร
กระทบ 3 กลุ่ม "ท่องเที่ยว-คอนโดฯ-ก่อสร้าง"
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินผล กระทบเบื้องต้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจภาพรวม โดยประเมินความเสียหายต่อภาคท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์
1. คาดกระทบท่องเที่ยว 2 หมื่นลบ.
เหตุแผ่นดินไหวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย สะท้อนจากตัวเลขการยกเลิกห้องพักในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของสมาคมโรงแรมไทยที่มีการยกเลิกห้องแล้วประมาณ 1,100 บุกกิงทั่วประเทศและจากข้อมูลของผู้ประกอบการโรงแรมห้องพักที่ถูกยกเลิกส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่ด้านสมาคมสายการบินประเทศไทยระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตัวเลขการจองที่นั่งโดยสารรายวันลดลงเฉลี่ย 40-60% นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งยังเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัยกับพลเมืองที่จะเดินทางมาไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และแคนาดา
SCB EIC ประเมินเหตุแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในการประเมินผลกระทบเบื้องต้นคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนจะลดลงราว -12%MOM ซึ่งลดลงมากกว่าการลดลงเฉลี่ยตามฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนของช่วงปี 2017-2019 ซึ่งอยู่ที่ราว -6%MOM และจะใช้เวลาฟื้นตัวให้กลับมาเติบโตได้ตามปกติราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ มีโอกาสลดลงจากประมาณการเดิมราว 4 แสนคน และสูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราว 21,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากภาครัฐเร่งออกมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติของ SCB EIC ในปีนี้เดิมที่ 38.2 ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น
2. แนวโน้มคอนโดฯยอดโอนลดฮวบ!
ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เกิดความเสียหายในระดับอาคารถล่ม แต่การฟื้นตัวของตลาดฯ ยังขึ้นอยู่กับการกลับมาของความเชื่อมั่นผู้บริโภค SCB EIC คาดว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2025 มีแนวโน้มอยู่ที่ 8.5 หมื่นหน่วย หดตัว -0.8%YOY ต่ำกว่ามุมมองเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.6%YOY สาเหตุหลักเพราะ
1) กลุ่มที่มีแผนจะโอนกรรมสิทธิ์/มีแผนจะซื้อคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มจะชะลอการโอนหรือการตัดสินใจซื้อออกไป เนื่องจากยังต้องการความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย รวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายเชิงสถาปัตยกรรมของห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง และตัวอาคารก่อนการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ หรือซื้อ
และ 2) กลุ่มผู้ลงทุนในคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มชะลอการ ลงทุนจากความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น ราคาขายต่อของคอนโดมิเนียมการย้ายออกของผู้เช่ากลุ่มที่มีความกังวลอาจหันไปเช่าที่อยู่อาศัย แนวราบแทน แม้อัตราค่าเช่าจะสูงกว่าคอนโดฯในทำเลเดียวกัน หรือเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแนวราบที่อัตราค่าเช่าไม่ต่างจากคอนโดมิเนียมมากนักในทำเลที่ไกลออกไป
สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และกำลังผ่อนชำระค่างวด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง จะยังมีแนวโน้มอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และผ่อนชำระค่างวดต่อไป เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านการเงินในการย้ายที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม ทั้งนี้การที่ ผู้ประกอบการ เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร และมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือลูกบ้านทันท่วงที ช่วยคลายความ ตื่นตระหนกสำหรับลูกบ้านได้ส่วนหนึ่ง ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน เช่น การลดค่างวดหรือพักชำระเงินต้น สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และการออกสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการผ่อนชำระค่างวด รวมถึงสามารถดำเนินการซ่อมแซมห้องพักให้สามารถกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ ทั้งนี้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มได้อานิสงส์บางส่วนจากกลุ่มที่มีความกังวลในการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และมีความพร้อมทางการเงินในการย้ายไปที่อยู่อาศัยแนวราบ หรือสามารถซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเติม
ดีเวลลอปเปอร์เบรกขึ้นคอนโดฯใหม่
การเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2568 จะยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยเผชิญแรงกดดันหลักจากกำลังซื้อกลุ่มรายได้ ปานกลาง-ล่างที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่แนวโน้มการชะลอการโอนกรรมสิทธิ์ หรือการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมจากแผ่นดินไหว เป็นแรงกดดันให้หน่วยเหลือขายสะสมคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 68 ยังอยู่ในระดับสูงราว 74,000 หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงทำการตลาดแข่งขันชูจุดขายด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาตรการรับมือภัยพิบัติการตอบสนองความต้องการหรือให้ความ ช่วยเหลือลูกบ้านได้ทันท่วงที
3. รับเหมาก่อสร้างคอนโดฯ งานหายแสนล.
พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในระดับที่ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้างทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในปี 2025 จะยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงผู้ผลิตและค้าวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมอาคาร และสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย
SCB EIC มองว่าการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเนื่องให้กิจกรรมก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 86,000-100,000 ล้านบาท ต่อปี (ราว 15-17% ของมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวม) เติบโตชะลอลงตาม
ความสามารถในการรองรับภัยพิบัติต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้าง จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ว่าจ้าง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ ความสำคัญ รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มจะเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาหลัก พันธมิตร และ ผู้รับเหมาช่วง ขั้นตอนการก่อสร้างที่จะต้องมีความปลอดภัย และ ใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จนถึงขั้นตอนตรวจรับงานที่ผู้ว่าจ้าง จะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งความตรงเวลาและคุณภาพของงานที่ส่งมอบ ทั้งนี้ความเข้มงวดในขั้นตอนต่างๆ ที่สูงขึ้นนี้จะเป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเกิดการแข่งขันด้านคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมาในระยะข้างหน้า
SCB EIC ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากแผ่นดินไหวราว 3 หมื่นล้านบาท แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการฟื้น ความเชื่อมั่นในระยะสั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีแนวโน้ม สร้างผลกระทบต่อความกังวลด้านความปลอดภัย และการใช้จ่ายที่ เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความกังวลที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอาคาร จนอาจทำให้กิจกรรมบางส่วนหยุดชะงักเพื่อรอตรวจสอบ รวมถึงประชาชนอาจชะลอการใช้จ่ายบริการ ชอปปิ้ง และการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ดี รายจ่ายที่หายไปบางส่วน อาจได้รับการชดเชย จากรายจ่ายซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และการใช้จ่ายภาครัฐที่อาจ เพิ่มขึ้น จากการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบ และฟื้นฟูหลัง ภัยพิบัติ ผ่านการจัดสรรงบฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ทำให้ขนาดผลกระทบอาจ ลดความรุนแรงลงได้
ต้องเร่งช่วยเหลือ-ฟื้นเชื่อมั่น-การสื่อสารที่ดี
ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุแผ่นดินไหวต่อ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025 ราว 30,000 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจมีแนวโน้มลดลงจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจอาจยังไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาความ เชื่อมั่นจะฟื้นฟูกลับมาได้ทั้งของคนในประเทศ นักท่องเที่ยว และ นักลงทุนต่างชาติ
มองว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงมาก และมีผลชั่วคราว คือ การที่ภาครัฐเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และเรียกความเชื่อมั่นสาธารณะกลับมาผ่านการออกแนวนโยบาย ได้แก่
เร่งช่วยเหลือ - เร่งประสานความร่วมมือด้านประกันภัยเพื่อเร่งรัดการชดเชยความเสียหายแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ตลอดจนการออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้าและเพื่อรักษาสภาพคล่อง พร้อมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เรียกเชื่อมั่น - เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรม ที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอาคารสูงอย่างละเอียด จากหน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถแจ้งเตือนเหตุให้ประชาชน/นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที ที่สำคัญภาครัฐต้องสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว โปร่งใสและเชื่อถือได้
แม้เราจะควบคุม After shock ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ แต่นโยบายสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยลด After shock ทางความรู้สึกของประชาชน และช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจตามมาได้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ