ตลาดรับบ้านสร้างฝ่าวิกฤติไป
วันที่ : 25 มิถุนายน 2568
นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ประเมินตลาดรับสร้างบ้านยังเติบโตจากดีมานด์แท้ ผู้บริโภคพร้อมจ่ายหากได้ความเชื่อมั่น ด้านสมาคมฯ เร่งขยายฐานสมาชิก-ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างทั่วประเทศ มองปีหน้าเริ่มเห็นสัญญาณฟื้น
พลิกความเชื่อมั่นผู้บริโภค-ชูคุณภาพตัดสินเกม
ในวันที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ต้องเผชิญแรงบีบจากเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง "ตลาดรับสร้างบ้าน" กลับยังคงยืนหยัดในฐานะเซ็กเมนต์ที่มีเรียลดีมานด์สูง เพราะคือบ้านที่ผู้บริโภคสร้างเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่เพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ย้ำว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีแรงขับเคลื่อนจากผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงินและต้องการบ้านคุณภาพที่ตรงใจ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับ 3-10 ล้านบาท ที่ยังมีอัตราการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง
"ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้มองแค่ราคาถูกสุด แต่เขาต้องการบ้านที่คุ้มค่า มีมาตรฐาน มีบริการหลังการขาย และสามารถเชื่อถือได้ว่าได้บ้านแน่นอน ซึ่งธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมจะตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ดีกว่าใช้ผู้รับเหมาทั่วไป"
ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกเกือบ 80 บริษัททั่วประเทศ และยังคงเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจต่อผู้บริโภคในต่างจังหวัดให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่าง "รับเหมาก่อสร้าง" กับ "ธุรกิจรับสร้างบ้าน" ที่เน้นบริการครบวงจรตั้งแต่แบบบ้านจนถึงบริการหลังการขาย ซึ่งในช่วง 5-6 ปีหลัง สมาคมฯ สามารถขยายฐานสมาชิกในต่างจังหวัดได้เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็นกว่า 35%
"ต่างจังหวัดมีดีมานด์สร้างบ้านจริงจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านระดับ 3-5 ล้านบาท ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า หากเปรียบเทียบระหว่างผู้รับเหมากับธุรกิจรับสร้างบ้านแล้ว ส่วนต่างราคาไม่เกิน 10-15% แต่สิ่งที่ได้คือมาตรฐาน การบริการ ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพงานที่ดีกว่า"
ขณะที่ตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นกลุ่มที่รับรู้ถึงธุรกิจรับสร้างบ้านอยู่แล้ว ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% และการแข่งขันจึงเน้นที่การออกแบบ คุณภาพ และบริการ มากกว่าราคา
ในด้านสถานการณ์ตลาด นายอนันต์กร เผยว่าภาพรวมในครึ่งปีแรกยังติดลบ 5-6% แต่มีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2 และคาดว่าช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการตัดสินใจสร้างบ้าน จะช่วยดันยอดปีนี้ให้ทรงตัวได้ หากไม่เผชิญปัจจัยลบเพิ่มเติม
สำหรับปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจสร้างบ้านนอกจากราคาวัสดุและค่าแรงที่ยังทรงตัว คือความพร้อมของผู้ซื้อเอง และความคาดหวังต่อคุณภาพบ้าน ซึ่งแตกต่างกันไปตามเซ็กเมนต์ เช่น บ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ผู้บริโภคมองเรื่องความคุ้มค่า บ้านระดับ 5-10 ล้านบาท เน้นคุณภาพการก่อสร้าง ขณะที่บ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป เน้นดีไซน์เฉพาะตัวและสะท้อนรสนิยมเจ้าของบ้าน
"กลุ่มที่ยังชะลอการตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป เพราะแม้มีเงินแต่ยังไม่อยากใช้จ่าย เนื่องจากไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจการเมือง แต่กลุ่มที่ต่ำกว่านั้นยังเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะกลุ่ม 3-5 ล้านบาท ซึ่งยังมีการกู้สินเชื่อ และสินเชื่อของกลุ่มนี้ยังคุณภาพดี NPL ต่ำ ธนาคารยังสนับสนุน"
นอกจากนี้ สมาคมยังเร่งพัฒนาสมาชิกให้มีมาตรฐานงานก่อสร้างเดียวกันทั่วประเทศ ด้วยการจัดอบรม ถ่ายทอดกระบวนการบริหารงานตั้งแต่ตอกเข็มจนถึงส่งมอบบ้าน พร้อมขยายการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น TikTok, Facebook และ YouTube ให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น
อีกหนึ่งจุดขายของสมาคมคือความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ที่ให้สิทธิพิเศษกับสมาชิกสมาคม เช่น การกู้สินเชื่อด้วยราคาที่ประเมินตรงตามจริง ไม่ต้องยื่นแบบก่อสร้างก่อนการยื่นกู้ และปล่อยเงินตามงวดของบริษัทรับสร้างบ้าน ไม่ใช่ตามขั้นของธนาคาร
นายอนันต์กรยังกล่าวถึงงานอีเวนต์ประจำปี ซึ่งจัดขึ้นในไตรมาส 3 เพื่อกระตุ้นตลาดตรงกับช่วงไฮซีซั่น โดยปีนี้จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนที่เมืองทองธานี มีบริษัทรับสร้างบ้านร่วมออกบูทกว่า 40 บริษัท และวัสดุก่อสร้างอีกกว่า 20 ราย รวมถึงธนาคารที่มาให้คำปรึกษาและเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อแบบครบวงจร
"คนที่อยากมีบ้าน ถ้ามางานนี้จะสามารถเลือกบ้าน เลือกผู้รับสร้างบ้าน และได้โปรโมชั่นพิเศษครบจบในที่เดียว เราเชื่อว่ากิจกรรมแบบนี้จะสร้างความคึกคักให้กับตลาดได้"
แม้ปีนี้จะยังเป็นปีที่ท้าทายจากปัจจัยลบรอบด้าน แต่นายอนันต์กรมั่นใจว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านจะสามารถผ่านไปได้ และเชื่อว่าหลังพ้นปี 2568 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดอย่างชัดเจน หากเศรษฐกิจและการเมืองกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
"ปีนี้ถ้าเราผ่านจุดต่ำสุดมาได้ ปีหน้าเราคาดว่าจะมีการเริ่มฟื้นตัว เพราะดีมานด์มีอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคให้กลับมา ซึ่งสมาคมจะทำอย่างเต็มที่ ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และบริการ"
ในวันที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ต้องเผชิญแรงบีบจากเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง "ตลาดรับสร้างบ้าน" กลับยังคงยืนหยัดในฐานะเซ็กเมนต์ที่มีเรียลดีมานด์สูง เพราะคือบ้านที่ผู้บริโภคสร้างเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่เพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ย้ำว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีแรงขับเคลื่อนจากผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงินและต้องการบ้านคุณภาพที่ตรงใจ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับ 3-10 ล้านบาท ที่ยังมีอัตราการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง
"ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้มองแค่ราคาถูกสุด แต่เขาต้องการบ้านที่คุ้มค่า มีมาตรฐาน มีบริการหลังการขาย และสามารถเชื่อถือได้ว่าได้บ้านแน่นอน ซึ่งธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมจะตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ดีกว่าใช้ผู้รับเหมาทั่วไป"
ปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกเกือบ 80 บริษัททั่วประเทศ และยังคงเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจต่อผู้บริโภคในต่างจังหวัดให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่าง "รับเหมาก่อสร้าง" กับ "ธุรกิจรับสร้างบ้าน" ที่เน้นบริการครบวงจรตั้งแต่แบบบ้านจนถึงบริการหลังการขาย ซึ่งในช่วง 5-6 ปีหลัง สมาคมฯ สามารถขยายฐานสมาชิกในต่างจังหวัดได้เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็นกว่า 35%
"ต่างจังหวัดมีดีมานด์สร้างบ้านจริงจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านระดับ 3-5 ล้านบาท ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า หากเปรียบเทียบระหว่างผู้รับเหมากับธุรกิจรับสร้างบ้านแล้ว ส่วนต่างราคาไม่เกิน 10-15% แต่สิ่งที่ได้คือมาตรฐาน การบริการ ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพงานที่ดีกว่า"
ขณะที่ตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นกลุ่มที่รับรู้ถึงธุรกิจรับสร้างบ้านอยู่แล้ว ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% และการแข่งขันจึงเน้นที่การออกแบบ คุณภาพ และบริการ มากกว่าราคา
ในด้านสถานการณ์ตลาด นายอนันต์กร เผยว่าภาพรวมในครึ่งปีแรกยังติดลบ 5-6% แต่มีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2 และคาดว่าช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการตัดสินใจสร้างบ้าน จะช่วยดันยอดปีนี้ให้ทรงตัวได้ หากไม่เผชิญปัจจัยลบเพิ่มเติม
สำหรับปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจสร้างบ้านนอกจากราคาวัสดุและค่าแรงที่ยังทรงตัว คือความพร้อมของผู้ซื้อเอง และความคาดหวังต่อคุณภาพบ้าน ซึ่งแตกต่างกันไปตามเซ็กเมนต์ เช่น บ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ผู้บริโภคมองเรื่องความคุ้มค่า บ้านระดับ 5-10 ล้านบาท เน้นคุณภาพการก่อสร้าง ขณะที่บ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป เน้นดีไซน์เฉพาะตัวและสะท้อนรสนิยมเจ้าของบ้าน
"กลุ่มที่ยังชะลอการตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป เพราะแม้มีเงินแต่ยังไม่อยากใช้จ่าย เนื่องจากไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจการเมือง แต่กลุ่มที่ต่ำกว่านั้นยังเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะกลุ่ม 3-5 ล้านบาท ซึ่งยังมีการกู้สินเชื่อ และสินเชื่อของกลุ่มนี้ยังคุณภาพดี NPL ต่ำ ธนาคารยังสนับสนุน"
นอกจากนี้ สมาคมยังเร่งพัฒนาสมาชิกให้มีมาตรฐานงานก่อสร้างเดียวกันทั่วประเทศ ด้วยการจัดอบรม ถ่ายทอดกระบวนการบริหารงานตั้งแต่ตอกเข็มจนถึงส่งมอบบ้าน พร้อมขยายการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น TikTok, Facebook และ YouTube ให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น
อีกหนึ่งจุดขายของสมาคมคือความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ที่ให้สิทธิพิเศษกับสมาชิกสมาคม เช่น การกู้สินเชื่อด้วยราคาที่ประเมินตรงตามจริง ไม่ต้องยื่นแบบก่อสร้างก่อนการยื่นกู้ และปล่อยเงินตามงวดของบริษัทรับสร้างบ้าน ไม่ใช่ตามขั้นของธนาคาร
นายอนันต์กรยังกล่าวถึงงานอีเวนต์ประจำปี ซึ่งจัดขึ้นในไตรมาส 3 เพื่อกระตุ้นตลาดตรงกับช่วงไฮซีซั่น โดยปีนี้จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนที่เมืองทองธานี มีบริษัทรับสร้างบ้านร่วมออกบูทกว่า 40 บริษัท และวัสดุก่อสร้างอีกกว่า 20 ราย รวมถึงธนาคารที่มาให้คำปรึกษาและเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อแบบครบวงจร
"คนที่อยากมีบ้าน ถ้ามางานนี้จะสามารถเลือกบ้าน เลือกผู้รับสร้างบ้าน และได้โปรโมชั่นพิเศษครบจบในที่เดียว เราเชื่อว่ากิจกรรมแบบนี้จะสร้างความคึกคักให้กับตลาดได้"
แม้ปีนี้จะยังเป็นปีที่ท้าทายจากปัจจัยลบรอบด้าน แต่นายอนันต์กรมั่นใจว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านจะสามารถผ่านไปได้ และเชื่อว่าหลังพ้นปี 2568 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดอย่างชัดเจน หากเศรษฐกิจและการเมืองกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
"ปีนี้ถ้าเราผ่านจุดต่ำสุดมาได้ ปีหน้าเราคาดว่าจะมีการเริ่มฟื้นตัว เพราะดีมานด์มีอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคให้กลับมา ซึ่งสมาคมจะทำอย่างเต็มที่ ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และบริการ"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ