ผู้เล่นทุนน้อยฮวบเหลือรายใหญ่

   โครงการใหม่จ่อเปิด 'ลังเล6เดือน'

    นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ครึ่งแรก ปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต คงดึงดูดเงินลงทุนจากผู้พัฒนาอสังหาฯทั้งในและนอกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีเงินลงทุนรวม 34,986 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นศักยภาพของภูเก็ตในฐานะแหล่งลงทุนระดับภูมิภาค จุดหมายปลายทาง ยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น บจก.โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ คงเปิดโครงการใหม่ครึ่งปีแรกและบางโครงการปิดการขายได้ภายใน 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดอสังหาฯภูเก็ตมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มโครงการเล็กหรือพัฒนาโดยรายย่อย พบว่าอุปทานใหม่ทั้งคอนโดและบ้านพักตากอากาศเริ่มชะลอตัว แม้ต้นปีนี้ยังเปิดใหม่จำนวนมาก เพราะตรงกับช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยวภูเก็ต ทำให้ตลาดอสังหาฯคึกคัก แต่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายไตรมาส 2 เริ่มลดลงชัดเจน ครึ่งปีแรกมีคอนโดเปิดใหม่เพียง 8 โครงการ รวม 3,006 ยูนิต มูลค่า 17,845 ล้านบาท ลดลง 38.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บ้านพักตากอากาศเปิดขายใหม่เพียง 25 โครงการ รวม 362 ยูนิต มูลค่า 12,354 ล้านบาท ลดลง 73.42% บางโครงการไม่สามารถสร้างยอดขายตามเป้า เริ่มชะลอหรือหยุดพัฒนาโครงการไปชั่วคราวและมีบางรายเลือกขายโครงการต่อให้ ผู้พัฒนารายใหญ่

    นายภัทรชัยกล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลัง 2568 รายใหญ่ในพื้นที่และในตลาดหลักทรัพย์คงอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมพร้อมพัฒนาโครงการใหม่ คาดเปิดตัวอีกครั้งครึ่งหลังของปีนี้หรือต้นปี 2569 ส่วนทำเลนิยม คือ บางเทา, เชิงทะเล, ราไวย์, ฉลอง และใจกลางเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพโตสูงและเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อชาวต่างชาติ ที่มองหาการลงทุนในวิลล่าและคอนโดอยู่อาศัยระยะยาวหรือปล่อยเช่า คาดทั้งปี 2568 อาจมีคอนโดเปิดขายใหม่ในภูเก็ต 6,000-10,000 ยูนิต บ้านพักตากอากาศ 1,000-1,500 ยูนิต ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วง 2 ปีก่อนหน้าที่รุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะคอนโดใหม่เข้าสู่ตลาดกว่า 20,000 ยูนิต สะท้อนว่าการปรับตัวของตลาดเข้าสู่ระยะคัดกรองผู้เล่นมากขึ้น และเหลือรายที่มีศักยภาพสูง จะเป็นผู้นำตลาดต่อไป ส่วนกำลังซื้อมีทั้งไทยและต่างชาติ อาทิ รัสเซีย

    ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยผลวิเคราะห์ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2568 พบว่าค่าดัชนีในภาวะปัจจุบันอยู่ที่ 39.3 ลดลง 2.7 จุด จากไตรมาสก่อนหน้า และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 5.9 จุด ต่ำกว่าค่ากลางระดับ 50 สะท้อนว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นลดลงต่อสถานการณ์ปัจจุบัน อาทิ หนี้ครัวเรือนสูง การเข้มงวดสินเชื่อ ความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลกชะลอตัว ส่วนค่าดัชนีอีก 6 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 50.3 ลดลง 2 จุด จากไตรมาสก่อน แต่ค่าดัชนียังสูงกว่าค่ากลาง 50 สะท้อนผู้ประกอบการหวังว่าธุรกิจอสังหาฯจะดีขึ้นหลังจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ