SIRI ปักหมุดแผน 5 ปี ลงทุนภูเก็ต เดินหน้าเปิด 29 โครงการ มูลค่ารวม 3.3 หมื่นล้าน
Loading

SIRI ปักหมุดแผน 5 ปี ลงทุนภูเก็ต เดินหน้าเปิด 29 โครงการ มูลค่ารวม 3.3 หมื่นล้าน

วันที่ : 5 สิงหาคม 2568
“แสนสิริ” ปักหมุดแผน 5 ปี เตรียมลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในภูเก็ต 29 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท พร้อมวางงบลงทุนซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาทต่อปี หลังภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้ายอดโอนในภูเก็ตในปีนี้ 5,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 3,300 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อกในภูเก็ต 10,000 ล้านบาท
   นายภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่การเป็น “The World's Elite Destination” โดยคีย์ไดร์เวอร์สำคัญที่ขับเคลื่อนภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลก ได้แก่ การท่องเที่ยวและการบริการระดับพรีเมียม และการพัฒนาแบบครบวงจรทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศ แต่รวมถึงโครงการเพื่อการลงทุน ที่อยู่อาศัยระยะยาว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร โดยเฉพาะโครงการระดับ Ultra Luxury ที่ยังมีความต้องการสูงจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ

   ทั้งนี้ ภูเก็ตเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจากดูไบ ฟลอริดา และนิวยอร์ก มีราคาที่ดินเติบโตอย่างก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700% ซึ่ง SIRI ได้เข้าไปลงทุนในจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบันมีโครงการที่ลงทุนแล้ว 26 โครงการ และในช่วง 5 ปีจากนี้ (ปี 2568-2572) บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีกจำนวน 29 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 33,000 ล้านบาท

   โดยจะทยอยเปิดตัวประมาณ 5-6 โครงการต่อปี ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ ทั้งโครงการแนวราบและโครงการแนวสูง ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตรวม จำนวน 8 โครงการ มีสินค้าเหลือขายในมือรวมประมาณ 200-400 ยูนิต ขณะที่บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินในจังหวัดภูเก็ตประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีเพื่อรองรับแผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ สำหรับในปี 2569 บริษัทมีที่ดินสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ครบแล้ว หรือประมาณ 5-6 แปลง

   สำหรับในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทสามารถโอนกรรมสิทธิ์โครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้แล้ว 3,300 ล้านบาท และยังมียอดขายรอโอน (Backlog) จากโครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงมีความมั่นใจว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปี 2568 มีโอกาสจะทะลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

   “เราได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นมาเป็น 5,000 ล้านบาท จากช่วงต้นปีที่เราวางเป้าหมายไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จก่อนกำหนดจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ เดอะ เบส บูกิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการ เดอะ เบส ไรส์ มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท ซึ่งจากเดิมกำหนดสร้างเสร็จในเดือนกันยายน แต่โครงการสร้างเสร็จตั้งแต่เดือนมิถุนายน และได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก มียอดโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาจาก 2 โครงการดังกล่าวแล้วมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568” นายภูมิชาย กล่าว

   ขณะที่ในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) จากโครงการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2,500 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการเดอะ เบส เชิงทะเล เป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท

   นายภูมิชาย กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มอีก จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการเกือบ 3,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ระดับราคา 13-20 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้ และ 2.โครงการ ดีคอนโด กะทู้ เป็นคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ