EEC ปัดเงื่อนไขลดไซส์ 'อู่ตะเภา' เริ่ม3ล้านคน/ปี
Loading

EEC ปัดเงื่อนไขลดไซส์ 'อู่ตะเภา' เริ่ม3ล้านคน/ปี

วันที่ : 30 กรกฎาคม 2568
EEC เผยส่งหนังสือ UTA ขยายออก NTP "อู่ตะเภา" จาก 31 ก.ค. 68 ไปก่อน เหตุรอมติ ครม. 5 ส.ค.มีข้อสั่งการ เผยเจรจาปรับเงื่อนไขกรณีไม่มี "ไฮสปีด 3 สนามบิน" ชี้ยังไม่รับข้อเสนอปรับลดไซส์เฟส 1 เริ่มที่ 3 ล้านคน/ปี ชี้เล็กเกินไป

   ด้าน "พิชัย" อุบเลิก/ไม่เลิกสัญญา ต้องดูผลกระทบทางเศรษฐกิจ ส่วนแก้สัญญาไฮสปีดคาดอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาจบสัปดาห์นี้

   นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรือ EEC) เปิดเผยว่า วันที่ 29 ก.ค.2568 ยังไม่มีการรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรค การดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) เป็นบริษัทร่วมทุนฯ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA), บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STECON) เป็นบริษัทคู่สัญญาได้ เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพิ่งประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ระยะเวลากระชั้นชิดไป โดยจะนำรายงานต่อครม.ในการประชุมวันที่ 5 ส.ค. 2568 ต่อไปเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา

   ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 EEC ได้ทำหนังสือถึง UTA แล้ว เพื่อแจ้งขอขยายเวลาส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (NTP: Notice to Proceed) จากวันที่ 31 ก.ค.2568 ออกไปก่อน จนกว่า ครม.จะมีข้อสั่งการ ซึ่งที่ผ่านมามีการ เจรจากันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มโครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินฯ ปี 2561 และเซ็นสัญญาปี 2563 ซึ่งมีปัญหา จากปัจจัยที่มากระทบมาจากหลายสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

   หลักการเจรจาต้องการแก้ไขปัญหาให้ครบทุกประเด็น ซึ่ง 1 ในเงื่อนไขในการออก NTP คือ ต้องมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ด้วย แต่จากที่เจรจากันมา 6 เดือน โครงการรถไฟความเร็วสูงไม่มีความชัดเจน จึงเห็นว่าการเดินหน้าออก NTP ของสนามบินโดยไม่มีรถไฟความเร็วสูง ถือเป็นการลดหย่อนเงื่อนไข ซึ่งทาง UTA ได้เสนอปรับแผนพัฒนา โครงการในระยะที่ 1 โดยขอเริ่มการพัฒนาขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารที่ 3 ล้านคน/ปี จากเดิมที่จะพัฒนารองรับที่ 12 ล้านคน/ปี ซึ่ง EEC ยังไม่เห็นด้วย เนื่องจากสนามบินขนาด 3 ล้านคน/ปี ถือว่าเล็กเกินไปสำหรับการจะขับเคลื่อน ให้เป็นศูนย์กลางการบิน (ฮับ)

   สำหรับแผนพัฒนาที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ มีการปรับการพัฒนาจาก 4 ระยะ เป็น 6 ระยะ โดยระยะที่ 1 เริ่มต้น ที่ 12 ล้านคน/ปี ซึ่งเป็นศักยภาพรองรับผู้โดยสารเทียบเท่ากับสนามบินภูเก็ตหรือสนามบินเชียงใหม่ ซึ่งเหมาะสมสำหรับการจะพัฒนาเพื่อเป็นฮับได้

   ขณะเดียวกัน EEC ได้สอบถาม UTA ในทางกลับกันว่า หากดำเนินการไปแล้ว โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน มีการเปิดให้บริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มดีมานด์ให้สนามบินเหมือนเดิม ทาง UTA จะมีการพัฒนาในกรณีนี้อย่างไร ต้องคิดและเจรจากันไว้เลย ทั้งนี้เพื่อให้มีเหตุผลและแนวทางชี้แจงกับทุกฝ่ายได้

   "การเจรจาต้องให้ครบทุกประเด็นและทุกกรณีที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้ UTA บอกว่าจะเริ่มทำสนามบินโดยไม่รอ รถไฟความเร็วสูง แต่หากรถไฟเปิดให้บริการได้ ตอนนั้นแผนพัฒนาสนามบินจะเป็นอย่างไร ต้องคุยให้ชัดเจนก่อน"
คาดสัปดาห์นี้ อัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาร่วมทุน "ไฮสปีด" จบ

   สำหรับความคืบหน้าโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ อัยการสูงสุด จะตรวจร่างสัญญาร่วมทุนฯฉบับแก้ไขเสร็จแล้วส่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งหลัง รฟท.และบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ของกลุ่มซีพี เอกชนผู้ร่วมลงทุนฯ หารือถึงร่างสัญญาฯไม่มีข้อติดขัดแล้ว จะเสนอเข้าคณะกรรมการกำกับฯ และบอร์ด EEC เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเดินหน้าแก้ไขสัญญาต่อไป

   ด้าน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า การประชุมบอร์ด EEC เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา EEC ได้รายงานความคืบหน้าปัญหาอุปสรรคการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกแล้ว ซึ่งต้องมีการเจรจากับเอกชน และทำเงื่อนไขกันไป กรณีที่เป็นปัญหา เพราะทางฝั่งรัฐเองก็ทำตามเงื่อนไขไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้

   ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าจะยังไม่ยกเลิกโครงการใช่หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า จะเลิกไม่เลิกก็ต้องดูก่อนว่า โครงการมีผลเสียต่อเศรษฐกิจไหม

   ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ดำเนินการล่าช้าจนกระทบต่อการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภาของกลุ่ม UTA ว่า การแก้ไขสัญญารถไฟ ความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน น่าจะรออีกไม่นานแล้ว คาด 2-3 เดือนนี้น่าจะเรียบร้อย โดย รฟท.รายงานว่า อยู่ในขั้นตอนตรวจร่างสัญญาที่แก้ไข ของสำนักงานอัยการสูงสุด
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ