ORI ส่งซิกครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก ไตรมาส 3/68 จ่อบุ๊กกำไรพิเศษขายโรงแรม 200 ล้าน
วันที่ : 22 สิงหาคม 2568
ORI คาดผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก รับกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว ลุ้นรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แย้มไตรมาส 3/68 จ่อบุ๊กกำไรพิเศษ 200 กว่าล้านบาท จากการขายหุ้นโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัลฯ ส่วนไตรมาส 4/68 เตรียมขายแวร์เฮ้าส์เข้ากองรีท และขายโรงแรมให้กองทุนส่วนบุคคล ย้ำรายได้ปีนี้ 15,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 4,941.28 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 430.97 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลน่าจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ และโครงการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง จะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท คาดว่าจะส่งผลบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และ ORI มีโรงแรมรองรับทุกเชกเมนต์โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4-5 ดาว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2568 บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ 200 กว่าล้านบาท จากการขายหุ้นโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ที่ถืออยู่ทั้งหมด 51% ให้กับบริษัท Ci:z Technologies ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 2,000 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2568 ได้มีการเตรียมเงินสำหรับชำระคืนไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2568 บริษัทมีแผนที่จะนำทรัพย์สินประเภทคลังสินค้า ภายใต้บริษัท ALPHA INDUSTRIAL SOLUTIONS ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีคลังสินค้ารวม 7 แห่ง ขนาดบริการ 311,850 ตารางเมตร (ตร.ม.) และมีอัตราการเช้าพื้นที่สูงถึง 95%
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2568-2570 บริษัทมีแผนการขายสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ โดยในปี 2568 มีเป้าหมายขายโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ INTERCONTINENTAL BANGKOK SUKHUMVIT ในช่วงไตรมาส 3/2568 และ STAYBRIDGE SUITES THONGLOR ให้กับกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ในช่วงไตรมาส 4/2568 ส่วนปี 2569 มีเป้าหมายขายโรงแรมไอบิส 3 แห่ง และ STAYBRIDGE SUITES BANGKOK SUKHUMVIT ส่วนในปี 2570 มีเป้าหมายขายโรงแรม HOLIDAY INN & SUITE SRIRACHA
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2568 ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 14,043 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าหมายรวมทั้งปี และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายได้อีก 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในไตรมาส 3/2568 ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท และที่เหลือจะอยู่ในไตรมาส 4/2568
ขณะที่คาดว่าในปี 2568 จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 อยู่ที่ 15,000 ล้าน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 43,336 ล้านบาท โดยจะทยอยโอนรับรู้รายได้ภายในปี 2568 ประมาณ 13,137 ล้านบาท, รับรู้ในปี 2569 ประมาณ 12,341 ล้านบาท, รับรู้ในปี 2570 ประมาณ 12,459 ล้านบาท และรับรู้ในปี 2571 ประมาณ 5,399 ล้านบาท
สำหรับในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 1 โครงการ และจะเปิดอีก 2 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง และ 2. โครงการแนวราบ (BITANIA) จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 3 โครงการ และจะเปิดตัวอีก 3 โครงการ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2568 บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ 200 กว่าล้านบาท จากการขายหุ้นโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ที่ถืออยู่ทั้งหมด 51% ให้กับบริษัท Ci:z Technologies ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 2,000 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2568 ได้มีการเตรียมเงินสำหรับชำระคืนไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2568 บริษัทมีแผนที่จะนำทรัพย์สินประเภทคลังสินค้า ภายใต้บริษัท ALPHA INDUSTRIAL SOLUTIONS ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีคลังสินค้ารวม 7 แห่ง ขนาดบริการ 311,850 ตารางเมตร (ตร.ม.) และมีอัตราการเช้าพื้นที่สูงถึง 95%
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2568-2570 บริษัทมีแผนการขายสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ โดยในปี 2568 มีเป้าหมายขายโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ INTERCONTINENTAL BANGKOK SUKHUMVIT ในช่วงไตรมาส 3/2568 และ STAYBRIDGE SUITES THONGLOR ให้กับกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ในช่วงไตรมาส 4/2568 ส่วนปี 2569 มีเป้าหมายขายโรงแรมไอบิส 3 แห่ง และ STAYBRIDGE SUITES BANGKOK SUKHUMVIT ส่วนในปี 2570 มีเป้าหมายขายโรงแรม HOLIDAY INN & SUITE SRIRACHA
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2568 ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 14,043 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าหมายรวมทั้งปี และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายได้อีก 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในไตรมาส 3/2568 ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท และที่เหลือจะอยู่ในไตรมาส 4/2568
ขณะที่คาดว่าในปี 2568 จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 อยู่ที่ 15,000 ล้าน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 43,336 ล้านบาท โดยจะทยอยโอนรับรู้รายได้ภายในปี 2568 ประมาณ 13,137 ล้านบาท, รับรู้ในปี 2569 ประมาณ 12,341 ล้านบาท, รับรู้ในปี 2570 ประมาณ 12,459 ล้านบาท และรับรู้ในปี 2571 ประมาณ 5,399 ล้านบาท
สำหรับในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 1 โครงการ และจะเปิดอีก 2 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง และ 2. โครงการแนวราบ (BITANIA) จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 3 โครงการ และจะเปิดตัวอีก 3 โครงการ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ