รถไฟฟ้าหลากสี-ผังเมืองใหม่ พลิกโฉม 'อสังหาฯฝั่งธน' บูม 'บางหว้า-ตลิ่งชัน' ทำเลทอง
Loading

รถไฟฟ้าหลากสี-ผังเมืองใหม่ พลิกโฉม 'อสังหาฯฝั่งธน' บูม 'บางหว้า-ตลิ่งชัน' ทำเลทอง

วันที่ : 2 กันยายน 2568
สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ (RESAM) วิเคราะห์ว่า หากรถไฟฟ้าช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ได้เดินหน้าการก่อสร้างและเปิดบริการตามแผนที่วางไว้ นอกจากช่วยเรื่องการบรรเทาการจราจรแล้ว ยังเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะมาพลิกโฉมพื้นที่ฝั่งธนบุรีให้มีการพัฒนาใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
   ว่ากันว่า อีก 5 ปีข้างหน้า "ย่านฝั่งธนบุรี" รัศมีทำเลจะโดดเด่นไม่แพ้ทำเลทองใจกลางเมือง ด้วยอานิสงส์ผังเมืองกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ที่เตรียม ประกาศใช้ภายในปี 2569 และรถไฟฟ้าสายใหม่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วง "บางหว้า-ตลิ่งชัน" ที่จะมาพลิกโฉมการพัฒนาพื้นที่

   ล่าสุดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะเจ้าของโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รวมถึงทำการศึกษาและจัดทำรายงานรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เบื้องต้นมี 3 แนวทาง กทม.ลงทุนเอง, เจรจาผู้รับสัมปทานสายสีเขียวเป็นผู้ดำเนินการ และเปิดประมูล PPP โดย กทม.จะใช้เวลา 1 ปีศึกษารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงอัตราค่าโดยสาร

   ตามไทม์ไลน์ในปี 2569 ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จ จากนั้นในปี 2570 เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอมติอนุมัติโครงการ และดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการในปี 2570-2571 คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างโครงการระหว่างปี 2572-2575 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2576

   ตลอดเส้นทางมีทั้งหมด 6 สถานี ต่อจากสถานี บางหว้า ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวปัจจุบันและสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ จะเป็นสถานีบางแวก สถานีบางเชือกหนัง สถานีบางพรม สถานีอินทราวาส สถานีบรมราชชนนี และสถานีตลิ่งชัน สถานีปลายทาง จะเป็นชุมทางต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันและบางซื่อ-รังสิต กับสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์- ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี

   รูปแบบโครงการเป็นทางวิ่งยกระดับจำนวน 2 ทาง สูงประมาณ 16.6 เมตร แนวเส้นทางเริ่มต้นที่จุด เชื่อมต่อโรงจอดรถของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายบริเวณสถานีบางหว้า วิ่งไปตามทิศเหนือ ตามแนว เกาะกลางถนนราชพฤกษ์ ผ่านทางแยกตัดถนนบางแวก (ซ.จรัญสนิทวงศ์ 13) ผ่านทางแยกถนนพรานนก- พุทธมณฑลสาย 4 จากนั้นจะยกระดับขึ้น เพื่อข้ามทางแยกบรมราชชนนี ข้ามทางด่วนประจิมรัถยา (ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก) และสิ้นสุดที่บริเวณทางลาดลง ของสะพานข้ามทางรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน

   โดยโครงการจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 33,937 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 11,050 ล้านบาท ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม 3,019 ล้านบาท ค่าบริการทางวิศวกรรม 734 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษา 15,029 ล้านบาท ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 2,100 ล้านบาท ค่าจัดการค่าโดยสาร 752 ล้านบาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,252 ล้านบาท

   ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนา โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 หรือ M-MAP 2 เป้าหมายเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนเพชรเกษม และถนนราชพฤกษ์ อีกทั้งรองรับการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี

   วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด ในฐานะอุปนายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ (RESAM) และอุปนายกสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย วิเคราะห์ว่า หากรถไฟฟ้าช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ได้เดินหน้าการก่อสร้างและเปิดบริการตามแผนที่วางไว้ นอกจากช่วยเรื่องการบรรเทาการจราจรแล้ว ยังเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะมาพลิกโฉมพื้นที่ฝั่งธนบุรีให้มีการพัฒนาใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

   เนื่องจากปัจจุบันผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงใหม่ ที่เตรียมจะประกาศใช้ในปี 2569 นี้ ได้มีการปรับพื้นที่การใช้ประโยชน์ "พื้นที่สีเขียวลายขาว"ฝั่งธนบุรีในเขตตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค ภาษีเจริญ จากพื้นที่รับน้ำและพื้นที่เกษตรกรรม เป็น "พื้นที่สีเหลือง"ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย และ "สีแดง" พาณิชยกรรม และ "สีส้ม" ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง เพื่อให้สอดรับ กับสภาพพื้นที่ในปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และรองรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงินต่อขยายและสายสีส้มตะวันตกที่กำลังเดินหน้าก่อสร้าง ทำให้เปิดการพัฒนาพื้นที่มากขึ้น ไม่ว่าโครงการคอนโดมิเนียมในซอยหรือบนถนนสายหลัก โครงการแนวราบทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวราคาแพง ตลอดจนคอมเมอร์เชียลต่างๆ

   "ปัจจุบันแม้ว่ารถไฟฟ้ายังไม่ได้เริ่มสร้าง แต่ก็มี นักลงทุนไปซื้อที่ดินรอไว้แล้ว เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต ขณะที่ราคาซื้อขายมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 2-3 เท่า อย่างย่านบางหว้าจากเดิมราคา 100,000 บาทต่อตารางวา ปัจจุบันราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 500,000 บาทต่อตารางวา หรือย่านตลิ่งชัน ราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 200,000-300,000 บาทต่อตารางวาแล้ว ต่อไปราคาจะมีการปรับขึ้นอีกแน่นอน"

   "วสันต์" ยังฉายภาพการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในโซนนี้ รูปแบบการพัฒนาโครงการจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากเดิมเป็นย่านชุมชน เมื่อผังเมืองรวมกรุงเทพฯใหม่ประกาศใช้แล้ว จะทำให้สามารถสร้างคอนโดมิเนียมทั้งโลว์ไรส์และไฮไรส์ได้มากขึ้น สำหรับราคามีตั้งแต่ 1 ล้านต้นๆ ซึ่งภาพการพัฒนาในพื้นที่จะคล้ายกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินพาดผ่าน ที่มีคอนโดสูงๆ ผุดขึ้นจำนวนมากตลอดเส้นทาง เนื่องจากพื้นที่บางหว้า ตลิ่งชันและจรัญสนิทวงศ์ เป็นพื้นที่เชื่อมโยง ถึงกันด้วยรถไฟฟ้า

   นอกจากนี้จะเห็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวหรูราคาตั้งแต่ 40-50 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงโครงการ เกี่ยวกับเวลเนสเข้ามาพัฒนาในพื้นที่มากขึ้น เนื่องจากใกล้กับโรงพยาบาลศิริราชที่กำลังจะสร้างใหม่ ส่วนศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ ตอนนี้มีเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ และเดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ต่อไปน่าจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามมา รองรับการขยายตัว ของเมือง

   "อีก 5-10 ปีข้างหน้า หลังผังเมืองกรุงเทพฯเปลี่ยน รถไฟฟ้าเปิดให้บริการ จะทำให้ย่านบางหว้าและตลิ่งชันเป็นทำเลทองของฝั่งธนบุรีที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะย่านตลิ่งชันที่เป็นชุมทางของการเดินทางของรถไฟฟ้าทั้งสีแดง สีส้ม สีเขียว ขณะที่สถานีบางหว้าต่อไปเมื่อสายสีเขียวต่อขยายไปถึงตลิ่งชัน จะเป็นแค่สถานีผ่าน แต่การพัฒนาคงต้องรอจังหวะให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟ้นตัวก่อน และแม้ว่าสายสีเขียวบางหว้า-ตลิ่งชัน ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสร้างเสร็จ แต่สายสีส้ม มาแน่ ขณะที่สายสีแดงก็เปิดใช้แล้ว" วสันต์ตอกย้ำด้วยความครบเครื่องทั้งแหล่งไลฟ์สไตล์ การคมนาคมที่มาครบถนนสายหลัก ถนนสายรอง ทางด่วน และรถไฟฟ้าสารพัดสี ที่มาเติมเต็มศักยภาพ "ทำเลฝั่งธนบุรี" ให้เติบโตได้อีกไกล จึงเป็นอีกทำเลที่น่าจับตามอง!

 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ