จับตาภาวะ 'บ้านหรู' จ่อล้นตลาด
วันที่ : 3 ตุลาคม 2568
เคเคพีส่งสัญญาณตลาดบ้านหรู 25-100 ล้าน ส่อล้นตลาด หลังอสังหาฯรายกลาง-หน้าใหม่แห่ผุดโครงการ หวั่นเกิดสงครามราคา เปิดทำเลขายดี- เหลือขายมากสุด
เคเคพีชี้มียอดขายจริงปีละ800ยูนิต เปิดทำเลดาวรุ่ง-สต๊อกเหลือมากสุด
รายงานข่าวจาก สายงานสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยว่า ตลาดบ้านหรูยังเต็มไปด้วยโจทย์ที่เข้มข้น ไม่ใช่ตลาดกว้าง แต่เป็นตลาดที่มีดีมานด์เฉพาะเจาะจงและจำกัด ยอดขายจริงทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล มีเพียง 700-800 ยูนิตต่อปี โดยกระจุกตัวช่วงราคา 25-50 ล้านบาท ขณะที่ราคาเกิน 75 ล้านบาทขึ้นไป มีความต้องการจำกัด ซึ่งการพัฒนาโครงการบ้านหรูราคา 25-100 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในปี 2568-2569 เริ่มมีแนวโน้มที่นักพัฒนาขนาดกลางและรายใหม่เข้ามามากขึ้น เพราะตลาดแมสแข่งขันสูง มีกำลังซื้ออ่อนลง ขณะที่บ้านหรูมีมาร์จิ้นสูงกว่า ลูกค้ากลุ่มบนมีภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ แต่อีกมุมหนึ่งถ้าไม่วางแผนรอบคอบ บ้านหรู อาจเป็นกับดักของความหวังที่ใช้ต้นทุนสูง เสี่ยงสูง หมุนทุนได้ช้า และแม้บ้านหรูดูน่าสนใจ แต่เป็นดีมานด์มีลักษณะเฉพาะ เช่น ผู้ซื้อส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด มองหาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่ขนาดพื้นที่ ต้องการความเป็นส่วนตัว ความมีเอกลักษณ์ ขณะที่ซัพพลายจากนักพัฒนาเพิ่มขึ้นรวดเร็วในหลายทำเล ทำให้เริ่มเกิดภาวะล้นตลาดเฉพาะจุด
หากพิจารณาในแต่ละระดับราคาพบว่าราคา 25-50 ล้านบาท ทำเลที่มียอดขายสูงโซนพุทธมณฑล เพชรเกษม กรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ บางนา-ตราด เหลือขายมากที่สุดโซนตลิ่งชัน คลองลัดมะยม บางนา วงแหวน บางแวก พุทธมณฑล, ราคา 50-75 ล้านบาท ทำเลมียอดขายสูงโซนกรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ พุทธมณฑล เพชรเกษม สาทร-พระราม 3 เหลือขายมากที่สุดโซนบางนา ตราด กรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ ดอนเมือง-วิภาวดี, ราคา 75-100 ล้านบาท ทำเลที่มียอดขายสูงโซนบางนา-ตราด พัฒนาการ-พระราม 9 สีลม-สาทร เหลือขายมากที่สุดโซนกรุงเทพกรีฑาพัฒนาการ บางนา-ตราด ดอนเมือง-วิภาวดี, ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลที่มียอดขายสูงโซนพัฒนาการ กรุงเทพกรีฑา เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เหลือขายมากที่สุดโซนราชพฤกษ์ กรุงเทพกรีฑา
โดยแต่ละโซนอาจมีทั้งระดับราคาที่ขายดีที่สุด และเหลือขายมากสุด อาจมีการซ้ำกันในโซนเดียวกัน จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มาก การแข่งขันที่สูง และบ้านเหลือขายจำนวนมาก การที่มียอดขายที่ดี แต่เหลือขายมากในโซนเดียวกัน อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง และอาจนำไปสู่สงครามลดราคา ดังนั้น ผู้พัฒนาบ้านหรูจะประสบความสำเร็จในปี 2568-2569 ต้องไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุดการเลือกทำเลเฉพาะที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ย่านที่เป็นที่นิยมชาวต่างชาติ ใกล้สนามกอล์ฟ หรือที่ดินผืนหายาก จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ความพิเศษและเพิ่มมูลค่าให้โครงการในระยะยาว หากเข้าสู่ตลาดโดยขาดกลยุทธ์ตลาดบ้านหรูอาจกลายเป็นระเบิดเวลา ที่รอวันสะท้อนความเสียหายในงบการเงินได้
รายงานข่าวจาก สายงานสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยว่า ตลาดบ้านหรูยังเต็มไปด้วยโจทย์ที่เข้มข้น ไม่ใช่ตลาดกว้าง แต่เป็นตลาดที่มีดีมานด์เฉพาะเจาะจงและจำกัด ยอดขายจริงทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล มีเพียง 700-800 ยูนิตต่อปี โดยกระจุกตัวช่วงราคา 25-50 ล้านบาท ขณะที่ราคาเกิน 75 ล้านบาทขึ้นไป มีความต้องการจำกัด ซึ่งการพัฒนาโครงการบ้านหรูราคา 25-100 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในปี 2568-2569 เริ่มมีแนวโน้มที่นักพัฒนาขนาดกลางและรายใหม่เข้ามามากขึ้น เพราะตลาดแมสแข่งขันสูง มีกำลังซื้ออ่อนลง ขณะที่บ้านหรูมีมาร์จิ้นสูงกว่า ลูกค้ากลุ่มบนมีภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ แต่อีกมุมหนึ่งถ้าไม่วางแผนรอบคอบ บ้านหรู อาจเป็นกับดักของความหวังที่ใช้ต้นทุนสูง เสี่ยงสูง หมุนทุนได้ช้า และแม้บ้านหรูดูน่าสนใจ แต่เป็นดีมานด์มีลักษณะเฉพาะ เช่น ผู้ซื้อส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด มองหาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่ขนาดพื้นที่ ต้องการความเป็นส่วนตัว ความมีเอกลักษณ์ ขณะที่ซัพพลายจากนักพัฒนาเพิ่มขึ้นรวดเร็วในหลายทำเล ทำให้เริ่มเกิดภาวะล้นตลาดเฉพาะจุด
หากพิจารณาในแต่ละระดับราคาพบว่าราคา 25-50 ล้านบาท ทำเลที่มียอดขายสูงโซนพุทธมณฑล เพชรเกษม กรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ บางนา-ตราด เหลือขายมากที่สุดโซนตลิ่งชัน คลองลัดมะยม บางนา วงแหวน บางแวก พุทธมณฑล, ราคา 50-75 ล้านบาท ทำเลมียอดขายสูงโซนกรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ พุทธมณฑล เพชรเกษม สาทร-พระราม 3 เหลือขายมากที่สุดโซนบางนา ตราด กรุงเทพกรีฑา-พัฒนาการ ดอนเมือง-วิภาวดี, ราคา 75-100 ล้านบาท ทำเลที่มียอดขายสูงโซนบางนา-ตราด พัฒนาการ-พระราม 9 สีลม-สาทร เหลือขายมากที่สุดโซนกรุงเทพกรีฑาพัฒนาการ บางนา-ตราด ดอนเมือง-วิภาวดี, ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลที่มียอดขายสูงโซนพัฒนาการ กรุงเทพกรีฑา เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เหลือขายมากที่สุดโซนราชพฤกษ์ กรุงเทพกรีฑา
โดยแต่ละโซนอาจมีทั้งระดับราคาที่ขายดีที่สุด และเหลือขายมากสุด อาจมีการซ้ำกันในโซนเดียวกัน จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มาก การแข่งขันที่สูง และบ้านเหลือขายจำนวนมาก การที่มียอดขายที่ดี แต่เหลือขายมากในโซนเดียวกัน อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง และอาจนำไปสู่สงครามลดราคา ดังนั้น ผู้พัฒนาบ้านหรูจะประสบความสำเร็จในปี 2568-2569 ต้องไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุดการเลือกทำเลเฉพาะที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ย่านที่เป็นที่นิยมชาวต่างชาติ ใกล้สนามกอล์ฟ หรือที่ดินผืนหายาก จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ความพิเศษและเพิ่มมูลค่าให้โครงการในระยะยาว หากเข้าสู่ตลาดโดยขาดกลยุทธ์ตลาดบ้านหรูอาจกลายเป็นระเบิดเวลา ที่รอวันสะท้อนความเสียหายในงบการเงินได้
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ