อสังหาฯ-นายหน้า-รับเหมาย่อยแห่บุกตลาด 'เอ็มเอ็มเอ็ม'ปิดดีลบริหารการขายพันล้าน

    นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า เทรนด์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2569 เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับผู้สูงวัย เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในระดับสุดยอดในปี 2573-2574 ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องมีการออกแบบให้รองรับลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน อีกเทรนด์ที่มาแรงคือ ตลาดบ้านมือสองที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมากจนมียอดโอนกรรมสิทธิ์ แซงหน้าบ้านใหม่ไปแล้ว

    สะท้อนจากข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า บ้านมือสองมีการโอนจำนวน 129,173 หน่วย คิดเป็น 66% และมีมูลค่า 260,305 ล้านบาท คิดเป็น 49% และขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาทำตลาดบ้านมือสองมากขึ้น อย่างเช่น บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ในการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีผู้รับเหมารายย่อยที่จังหวัดระยอง ได้ซื้อทรัพย์ NPA มาปรับปรุงเพื่อขายต่อ

    "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ยังคงไม่ฟื้นตัวต่อเนื่องถึงปี 2569 ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังการลงทุนใหม่ และมองหาธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งตลาดบ้านมือสองถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้คาดหวังว่าหลังเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่แล้ว มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้น่าจะได้รับการขยายเวลาเพื่อประคับประคองตลาดและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น เฟอร์นิเจอร์ รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น" นายอิสระกล่าว

     นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ ครบวงจร กล่าวว่า หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทประสบความสำเร็จเข้าบริหารโครงการให้กับบริษัท ทรัพย์พล กรุ๊ป จำกัด ไปแล้ว 1 โครงการ ล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญาเพื่อบริหารงานขายโครงการให้กับบริษัท ทรัพย์พล กรุ๊ป จำกัด อีกจำนวน 217 ยูนิต มีมูลค่ารวม 1,195 ล้านบาท อยู่ในทำเลรังสิต คลอง 9 แบ่งการดำเนินงานเป็น 5 เฟส โดยบริษัทจะทยอยเข้าทำสัญญาและวางหลักประกันเป็นรายเฟส โดยเริ่มจากเฟสแรก จำนวน 31 ยูนิต มูลค่าประมาณ 170 ล้านบาท ถือเป็นโครงการที่ 2 ที่บริษัทได้เข้าไปบริหารการขาย

    "ทั้งนี้มองว่าทำเลรังสิต คลอง 9 ยังคงมีดีมานด์ต่อเนื่อง และเป็นความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะแนวราบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายและรับรู้รายได้จากโครงการในเฟสแรกได้ทั้งหมดภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ขณะที่รายได้จากเฟสที่เหลือคาดว่าจะทยอยรับรู้ได้ในปี 2570 ล่าสุดบริษัทมีพอร์ตอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งหมด 32 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวสูง 23 โครงการ และแนวราบ 9 โครงการ คาดว่าจะมีโอกาสขยายไปสู่ทรัพย์ โครงการแนวสูงเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 1-2 โครงการ" นายสุริยากล่าว