ลงทุนในนิคมคึก กวาดยอดขายที่แตะ 8,000 ไร่ Smart Park พร้อมเปิดปี'69
วันที่ : 24 ธันวาคม 2568
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยยอดลงทุนคึกคักกวาดขายพื้นที่ 8,000 ไร่ ญี่ปุ่นยังนำท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3-นิคม Smart Park คืบหน้ากว่า 93% เตรียมเปิดรับนักลงทุน พร้อมจัดหนักโปรโมชั่นของขวัญปีใหม่ฟรีค่าเช่าที่ดิน 2 ปี ใน 3 นิคมศักยภาพ
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ว่า ในปีงบประมาณ 2568 (1 ต.ค. 67-30 ก.ย. 2568) ประมาณ 8,000 ไร่ เป็นกลุ่มใหม่ที่หนีจีน ไต้หวันเข้ามาไทย เป็นซัพพลายเชนของจีน อิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ จากเป้า 12,000 ไร่ โดยปี 2569 เป้าเดิมน่าจะเป็นไปได้เพราะเชื่อว่าทุกอย่างยังมีปัจจัยบวก
ที่ผ่านมา กนอ.สามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างมาก มียอดขายและเช่าพื้นที่เติบโต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 13.48% ผลิตภัณฑ์โลหะ 0.45% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 9.68% เคมีภัณฑ์ 7.82% และผลิตภัณฑ์พลาสติก 6.55%
โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่น 23.41% ยังคงครองแชมป์การลงทุนสูงสุด ตามมาด้วย จีน 16.76% สิงคโปร์ 9.93% และสหรัฐอเมริกา 5.79% ส่งผลให้ปัจจุบัน กนอ. มีเม็ดเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 15.32 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานในระบบกว่า 1 ล้านคน
สำหรับปี 2569 กนอ.ได้กำหนดยุทธศาสตร์โดยมุ่งสู่การเป็น Green & Digital Innovation ด้วยการปรับบทบาทจากผู้พัฒนาที่ดินสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศอุตสาหกรรมและนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investor) ที่จะเน้น 2 ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน คือ การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) และการพลิกโฉมสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation)
"เราอยากทำนิคมที่ราคาไม่แพงก็คือนิคม SMEs เพื่อย้าย SMEs เข้ามา ราคาไร่ละ 4 ล้าน จาก 8-12 ล้านบาท/ไร่ เรารอดูรัฐบาลใหม่ว่านโยบายจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราก็ต้องทำแผนรอไว้เพื่อเสนอรัฐในอนาคต เพราะปัจจัยบวกคือการมีรัฐบาลใหม่"
ขณะที่โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) งานถมทะเลและระบบสาธารณูปโภค มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 93.68% และกำลังเร่งดำเนินการในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในระยะที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลวและคลังสินค้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เช่นเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ที่มีความคืบหน้าการก่อสร้าง 93.68% พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (New S-Curve) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ กนอ.ยังเตรียมผนึกกำลังพันธมิตร หนุน SMEs เข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก ผ่านแนวทาง Quick Big Win โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ Supply Chain ไทย และผลักดันให้เกิดการใช้ Local Content ภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงการเตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ เพื่อเป็นพื้นที่ให้บริการและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยอย่างครบวงจร
ขณะเดียวกัน ได้มอบของขวัญปีใหม่ด้วยการจัดโปรโมชั่น ฟรี 2 ต่อ ใน 3 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินใน 3 นิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร นิคมอุตสาหกรรมสงขลา นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว สิทธิประโยชน์ฟรี 2 ต่อ คือต่อที่ 1 ฟรีค่าเช่าที่ดิน 2 ปีแรก และต่อที่ 2 ฟรีค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 2 ปี สำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569
ที่ผ่านมา กนอ.สามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างมาก มียอดขายและเช่าพื้นที่เติบโต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 13.48% ผลิตภัณฑ์โลหะ 0.45% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 9.68% เคมีภัณฑ์ 7.82% และผลิตภัณฑ์พลาสติก 6.55%
โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่น 23.41% ยังคงครองแชมป์การลงทุนสูงสุด ตามมาด้วย จีน 16.76% สิงคโปร์ 9.93% และสหรัฐอเมริกา 5.79% ส่งผลให้ปัจจุบัน กนอ. มีเม็ดเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 15.32 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานในระบบกว่า 1 ล้านคน
สำหรับปี 2569 กนอ.ได้กำหนดยุทธศาสตร์โดยมุ่งสู่การเป็น Green & Digital Innovation ด้วยการปรับบทบาทจากผู้พัฒนาที่ดินสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศอุตสาหกรรมและนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investor) ที่จะเน้น 2 ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน คือ การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) และการพลิกโฉมสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation)
"เราอยากทำนิคมที่ราคาไม่แพงก็คือนิคม SMEs เพื่อย้าย SMEs เข้ามา ราคาไร่ละ 4 ล้าน จาก 8-12 ล้านบาท/ไร่ เรารอดูรัฐบาลใหม่ว่านโยบายจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราก็ต้องทำแผนรอไว้เพื่อเสนอรัฐในอนาคต เพราะปัจจัยบวกคือการมีรัฐบาลใหม่"
ขณะที่โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) งานถมทะเลและระบบสาธารณูปโภค มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 93.68% และกำลังเร่งดำเนินการในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในระยะที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลวและคลังสินค้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เช่นเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ที่มีความคืบหน้าการก่อสร้าง 93.68% พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (New S-Curve) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ กนอ.ยังเตรียมผนึกกำลังพันธมิตร หนุน SMEs เข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก ผ่านแนวทาง Quick Big Win โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ Supply Chain ไทย และผลักดันให้เกิดการใช้ Local Content ภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงการเตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ เพื่อเป็นพื้นที่ให้บริการและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยอย่างครบวงจร
ขณะเดียวกัน ได้มอบของขวัญปีใหม่ด้วยการจัดโปรโมชั่น ฟรี 2 ต่อ ใน 3 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินใน 3 นิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร นิคมอุตสาหกรรมสงขลา นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว สิทธิประโยชน์ฟรี 2 ต่อ คือต่อที่ 1 ฟรีค่าเช่าที่ดิน 2 ปีแรก และต่อที่ 2 ฟรีค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 2 ปี สำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ